‘ทรัมป์’ ประณามพรรคเดโมแครต ‘ต่อต้านชาวยิว-อิสราเอล’

เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ฉวยโอกาสโจมตีพรรคเดโมแครตว่าเป็นพวกที่ ‘ต่อต้านชาวยิวและอิสราเอล’ เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) หลังจากสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างญัตติที่ว่าด้วยการต่อต้านถ้อยคำแสดงความเกลียดชัง (hate speech) โดยรวม แทนที่จะประณามคำพูดต่อต้านชาวเซมิติกของ ส.ส.หญิงมุสลิมคนหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง

สภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรคเดโมแครตกุมเสียงข้างมากได้ลงมติ 407-23 เสียงสนับสนุนญัตติประณามถ้อยคำต่อต้านชาวเซมิติก, การกีดกันชาวมุสลิม และการแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์อย่างไร้เหตุผล (bigotry) รูปแบบอื่นๆ

การโหวตดังกล่าวมีขึ้นไม่ถึง 1 สัปดาห์ หลังจาก อิลฮาน โอมาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในส.ส.หญิงมุสลิม 2 คนแรกที่ได้รับเลือกเข้าสู่สภาคองเกรสได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานอีเวนต์แห่งหนึ่ง และถูกบางคนตีความว่าเป็นคำพูดต่อต้านชาวเซมิติก

“ผลโหวตในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้เป็นเรื่องน่าอัปยศ” ทรัมป์ กล่าวที่ทำเนียบขาว

เดิมทีญัตตินี้ถูกร่างขึ้นเพื่อเป็นการประณามคำพูดของ โอมาร์ โดยตรง ก่อนที่พวกส.ส.หัวก้าวหน้าจะเรียกร้องให้มีการปรับแก้ข้อความให้ครอบคลุมถึงการกีดกันชาวมุสลิมและชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ด้วย

ทรัมป์ ซึ่งกำลังเตรียมตัวลงสู้ศึกชิงประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในปี 2020 ฉวยโอกาสนี้เปิดแนวรบใหม่กับพรรคเดโมแครตทันที

“เดโมแครตกลายเป็นพรรคที่ต่อต้านอิสราเอล พวกเขากลายเป็นพรรคที่ต่อต้านชาวยิวไปแล้ว” ทรัมป์ กล่าว

การอภิปรายในประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นว่า ส.ส.เดโมแครตซึ่งมีความหลากหลายในด้านเชื้อชาติ ศาสนา เพศ อายุ และอุดมการณ์มากขึ้นกำลังกลายเป็นความท้าทายใหม่สำหรับพรรค

โอมาร์ ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยจากโซมาเลียที่มาตั้งถิ่นฐานในรัฐมินนิโซตา ได้จุดประเด็นการอภิปรายขึ้นเมื่อเธอวิจารณ์อิสราเอลและกลุ่มล็อบบี้ของอิสราเอลในวอชิงตันว่ามีอิทธิพลอย่างสูงต่อนักการเมืองสหรัฐฯ

“มีคนบอกฉันทุกวันว่า ถ้าฉันไม่สนับสนุนอิสราเอลก็เท่ากับต่อต้านอเมริกาด้วย ฉันว่านี่คือปัญหา และไม่ใช่ฉันคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้” โอมาร์ ทวีตข้อความ

แกนนำพรรคเดโมแครตออกมาตอบโต้ข้อครหาต่อต้านยิวของ ทรัมป์ ว่า “เกินเลยความจริง” ไปมาก

“ท่านประธานาธิบดี คุณได้ให้นิยามใหม่ของคำว่าทะลึ่ง (chutzpah)” ชัค ชูเมอร์ แกนนำส.ว.เดโมแครตเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ทวีตข้อความวานนี้ (8)

สหรัฐอเมริกาเผชิญเหตุการณ์ที่สะท้อนถึงความเกลียดชังชาวเซมิติกบ่อยขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดย The Anti-Defamation League ซึ่งเป็นองค์กรต่อต้านการดูหมิ่นชาวยิวรายงานว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดถี่ขึ้นถึง 58% ในช่วงระหว่างปี 2016-2017

เมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้วมีมือปืนบุกเข้าไปกราดยิงคนตาย 11 ศพที่โบสถ์ยิวในเมืองพิตต์สเบิร์ก ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีชาวยิวครั้งเลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐฯ

ทรัมป์ ประกาศตัวเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของอิสราเอลโดยการสั่งย้ายสถานทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลม และยังสานสัมพันธ์แนบแน่นกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ด้วย