กวยโดบินกลับการากัสท้าทายมาดูโร ฝูงชน-นักการทูตรอต้อนรับดั่งวีรบุรุษ

เอเจนซีส์ – กวยโดท้าทายคำขู่จับกุมของรัฐบาลมาดูโร โดยเดินทางกลับสู่การากัสเมื่อวันจันทร์ (4 มี.ค.) ท่ามกลางการต้อนรับราววีรบุรุษจากกลุ่มผู้สนับสนุน ตลอดจนถึงนักการทูตชาติพันธมิตร และสื่อมวลชน ผู้นำฝ่ายค้านผู้นี้ยังประกาศเชิญชวนประชาชนร่วมประท้วงใหญ่ช่วงสุดสัปดาห์เพื่อเดินหน้ากดดันระบอบเผด็จการต่อ

ผู้สนับสนุน ตลอดจนถึงนักการทูตจากชาติพันธมิตร และสื่อมวลชนกลุ่มใหญ่ไปรอต้อนรับฮวน กวยโด ผู้นำฝ่ายค้านที่ประกาศตัวเป็นประธานาธิบดีเฉพาะกาลของเวเนซุเอลา ที่ท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงการากัส ก่อนที่กวยโดจะเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองและปราศรัยต่อประชาชนหลายพันคน

เขาประกาศเชิญชวนผู้สนับสนุนร่วมเดินขบวนใหญ่ในวันเสาร์ที่จะถึง (9 มี.ค.) เพื่อกดดันประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร พร้อมทั้งเผยว่า ในวันอังคาร (5 มี.ค.) จะเดินทางไปพบลูกจ้างรัฐที่ถูกพรรคสังคมนิยมของรัฐบาลกดดันให้เข้าร่วมชุมนุมสนับสนุนรัฐบาลนับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ ก่อนที่กวยโดจะเดินทางถึงการากัส รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ของสหรัฐฯ ทวิตเตือนมาดูโรว่า จะถูกตอบโต้ทันทีหากข่มขู่ คุกคาม หรือทำอันตรายต่อกวยโด

ขณะเดียวกัน ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า นานาชาติต้องรวมพลังกันและกดดันให้ระบอบโหดร้ายทารุณของมาดูโรสิ้นสุดลง

นอกจากนั้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 มี.ค.) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังออกมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่กับนายทหารเวเนซุเอลาหลายคนที่ยังจงรักภักดีต่อมาดูโร

มาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกอเมริกัน สำทับว่า กวยโดยังมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกจับกุมหากไม่มีผู้สนับสนุน สื่อ หรือนักการทูตรุมล้อม เพราะรัฐบาลมาดูโรเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของระบอบกดขี่กวาดล้างฝ่ายตรงข้าม

ทั้งนี้ มาดูโรละเมิดคำสั่งศาลสูงสุดและเดินทางออกจากเวเนซุเอลาอย่างลับๆ ไปยังโคลอมเบียเพื่อประสานงานในการจัดส่งความช่วยเหลือจากนานาชาติเข้าสู่เวเนซุเอลาตามกำหนดในวันที่ 23 เดือนที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาวิกฤตการขาดแคลนอาหารและยา

กองทัพเวเนซุเอลาสกัดคาราวานความช่วยเหลือดังกล่าวที่ด่านชายแดนติดกับโคลอมเบียและบราซิล นำไปสู่การปะทะที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คนตามแนวชายแดนติดกับบราซิล

จากโคลอมเบีย กวยโดได้เดินทางต่อไปยังอาร์เจนตินา บราซิล เอกวาดอร์ และปารากวัยเพื่อระดมการสนับสนุนจากละตินอเมริกาเพื่อให้รัฐบาลเฉพาะกาลของตนสามารถจัดการเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรม

เมื่อวันอาทิตย์ (3 มี.ค.) เขาขึ้นเครื่องบินออกจากเมืองซาลินาสของเอกวาดอร์ โดยไม่ได้แพร่งพรายกำหนดการให้สาธารณชนรับรู้ ขณะที่สื่อเวเนซุเอลารายงานว่า กวยโดเดินทางจากปานามาซิตี้มุ่งหน้าการากัส

ภายหลังจากที่กองทัพเวเนซุเอลาสกัดคาราวานความช่วยเหลือจากต่างชาติเมื่อปลายเดือนที่แล้ว กวยโดได้เสนอให้นานาชาติพิจารณาทางเลือกทั้งหมดเพื่อโค่นล้มมาดูโร อย่างไรก็ตาม ไม่มีแนวโน้มว่า จะมีการเลือกใช้การแทรกแซงทางทหาร แต่ประเทศนับสิบที่รับรองกวยโดในฐานะผู้นำเฉพาะกาลของเวเนซุเอลา เลือกที่จะใช้การคว่ำบาตรควบคู่กับแนวทางการทูตแทน

กวยโดยังเลิกหวังว่าจะล้มรัฐบาลมาดูโรได้อย่างรวดเร็ว โดยกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า กระบวนการนี้จะยากลำบากและใช้เวลายาวนาน

ขณะเดียวกัน การเดินทางกลับบ้านของกวยโดถือเป็นการท้าทายโดยตรงต่อมาดูโรที่ลั่นวาจาว่าผู้นำฝ่ายค้านผู้นี้จะต้องถูกดำเนินคดีจากการขัดคำสั่งศาลสูงสุดที่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

นักวิเคราะห์มองว่า มาดูโรต้องตัดสินใจว่า จะจับกุมกวยโด ซึ่งจะเป็นการปลุกเร้าให้ประชาชนออกมาประท้วงมากขึ้นและปลุกเร้าการประณามจากนานาชาติ หรือไม่จับกุม ซึ่งจะบ่อนทำลายอำนาจของตนเอง

นักวิเคราะห์การเมือง หลุยส์ ซาลามันกา ชี้ว่า กวยโดเติบโตทางการเมืองจนถึงระดับที่รัฐบาลเวเนซุเอลาไม่สามารถจัดการได้ด้วยวิธีการแบบเดิมๆ คือคุมขังหรือบังคับให้หนีออกนอกประเทศ