เอเจนซีส์ – ทรัมป์ระบุเกาหลีเหนือไม่เหลืออนาคตทางเศรษฐกิจหากยังมีนิวเคลียร์ในครอบครอง ขณะที่เพนตากอนยืนยันอเมริกาและเกาหลีใต้ตกลงยุติการซ้อมรบร่วมขนาดใหญ่ประจำฤดูใบไม้ผลิเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศทางการทูตสู่การปลดนุกบนคาบสมุทรเกาหลี
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ปราศรัยในงานประชุมคอนเซอร์เวทีฟ โพลิทิคัล แอ็กชันเมื่อวันเสาร์ (2 มี.ค.) ว่าเกาหลีเหนือมีอนาคตทางเศรษฐกิจสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ หากยอมทำข้อตกลง แต่จะไม่มีอนาคตทางเศรษฐกิจเลย ถ้ามีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับเกาหลีเหนือมั่นคงมาก
ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์และคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่ฮานอยเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วจบลงก่อนเวลาแบบไร้ข้อตกลง
ทรัมป์ยังกล่าวถึงการถูกวิจารณ์โดยพ่อแม่ของออตโต วอร์มเบียร์ นักศึกษาอเมริกันที่เสียชีวิตหลังถูกขังในเรือนจำเกาหลีเหนือนาน 17 เดือน หลังจากที่ตนเองแถลงข่าวในฮานอยว่าคิมไม่เกี่ยวข้องกับการตายของวอร์มเบียร์ โดยบอกว่า เขาพยายามรักษาสมดุลอันละเอียดอ่อนเพื่อกล่อมให้เปียงยางยกเลิกโครงการอาวุธ
อเมริกาและเกาหลีเหนือต่างบอกว่า ต้องการเจรจาต่อ แต่ไม่ได้ระบุกำหนดเวลา ผู้สังเกตการณ์บางคนยกความดีความชอบให้ทรัมป์ที่ไม่ยอมถูกดึงเข้าสู่ข้อตกลงเลวร้าย ขณะที่บางคนวิจารณ์ทรัมป์ที่ยกย่องความเป็นผู้นำของคิม รวมทั้งคำแถลงเกี่ยวกับวอร์มเบียร์
นักวิเคราะห์เชื่อว่า เกาหลีเหนือมีหัวรบนิวเคลียร์ 20-60 ลูก ที่สามารถคุกคามแผ่นดินใหญ่ของอเมริกาหากติดตั้งกับขีปนาวุธข้ามทวีป โดยอเมริกาและสหประชาชาติร่วมกันเพิ่มมาตรการแซงก์ชันหลังจากเกาหลีเหนือระดมทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ในปี 2017
วอชิงตันยืนกรานให้เปียงยางปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ ตรวจสอบได้ และไม่สามารถกู้คืนได้ ก่อนยกเลิกมาตรการแซงก์ชัน แต่เปียงยางประณามว่าวอชิงตันทำตัวเหมือนมาเฟีย
อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แพริก ชานาฮาน รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า ได้หารือกับเกาหลีใต้และเห็นพ้องต้องกันว่า จะยุติการร่วมซ้อมรบขนาดใหญ่และปรับโปรแกรมการฝึกซ้อมทางทหารเพื่อลดความตึงเครียดและสนับสนุนความพยายามทางการทูตเพื่อบรรลุเป้าหมายในการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
เพนตากอนสำทับว่า วอชิงตันและโซลตกลงออกแบบการซ้อมรบและทบทวนการฝึกภาคสนามใหม่ โดยเจ้าหน้าที่อเมริกันเกริ่นมาระยะหนึ่งแล้วว่า จะลดขอบเขตการซ้อมรบในฤดูใบไม้ผลิที่ชื่อว่า “โฟล อีเกิล” ซึ่งเป็นการซ้อมรบร่วมขนาดใหญ่ที่สุดที่จัดขึ้นเป็นประจำ และ “คีย์ รีโซลฟ์” ซึ่งเป็นการซ้อมรบเสมือนบนระบบคอมพิวเตอร์โดยผู้บัญชาการทหารของทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ อเมริกาและเกาหลีใต้ระงับการร่วมซ้อมรบมาหลายครั้งนับจากการประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์กับคิมเมื่อกลางปีที่แล้ว เพื่อส่งเสริมการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์
ในวันอาทิตย์ (3 มี.ค.) กองทัพเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ยืนยันการยุติการซ้อมรบร่วมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนั้นพลเอกพัค ฮัน-กี ประธานคณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ และพลเอกโรเบิร์ต บี. ผู้บัญชาการกองกำลังผสมเกาหลีใต้-สหรัฐฯ แถลงว่า สองประเทศจะร่วมซ้อมรบระหว่างวันที่ 4-12 นี้ในชื่อปฏิบัติการ “ดองเมียง” (พันธมิตร)
ดองเมียงปรับเปลี่ยนมาจากปฏิบัติการคีย์ รีโซลฟ์ และโฟล อีเกิล โดยจะเน้นการซ้อมรบเชิงรับมากกว่าเชิงรุก
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกหรือลดขนาดการร่วมซ้อมรบเตือนว่า อาจส่งผลต่อความพร้อมในการสู้รบของกองกำลังร่วมอเมริกา-เกาหลีใต้ และทำให้โสมแดงได้เปรียบเชิงกลยุทธ์บนคาบสมุทรเกาหลี แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กลับมองว่า คำเตือนดังกล่าวเป็นการวิตกกังวลเกินจริง
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้คนหนึ่งยังเปิดเผยว่า ลี โด-ฮุน ผู้แทนพิเศษด้านกิจการสันติภาพและความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลี เตรียมเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดอเมริกา-เกาหลีเหนือเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงวาระการประชุมในอนาคต