รอยเตอร์ - เกิดเหตุกราดยิงที่โรงงานผลิตสินค้าภายในเขตอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในเมืองออโรรา รัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และตำรวจได้รับบาดเจ็บอีก 5 นายก่อนที่มือปืนจะถูกวิสามัญฯ
คริสเตน ซีแมน ผู้บัญชาการตำรวจเมืองออโรรา ระบุว่า มือปืนเป็นคนงานวัย 45 ปีชื่อ แกรี มาร์ติน ทำงานอยู่ที่เขตอุตสาหกรรมซึ่งห่างจากชิคาโกไปทางตะวันตกราว 65 กิโลเมตร แต่ยังไม่เผยแรงจูงใจที่ทำให้คนร้ายลงมือสังหารหมู่
หนังสือพิมพ์ชิคาโกซัน-ไทม์สรายงานว่า หญิงซึ่งอ้างตัวเป็นมารดาของ มาร์ติน บอกกับตำรวจว่าลูกชายเพิ่งถูกเลิกจ้างเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว และ “มีอาการเครียดมาก” ก่อนจะมาก่อเหตุสลดเมื่อวานนี้ (15)
ซีแมน เปิดเผยว่า ตำรวจได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุร้ายเมื่อเวลา 13.24 น. ตามเวลาท้องถิ่น ระบุว่ามีมือปืนกำลังกราดยิงผู้คนที่โรงงานผลิตสินค้า และเมื่อเจ้าหน้าที่กลุ่มแรกเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุในอีก 4 นาทีต่อมาก็ถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บทันที 2 นาย
เธอสรุปเหตุการณ์ว่ามีตำรวจถูกยิงเจ็บไปทั้งหมด 5 นาย ก่อนที่คนร้ายจะถูกวิสามัญฯ ส่วนตำรวจคนที่ 6 มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า
ภายในอาคารยังพบผู้เสียชีวิตอีก 5 คน ซึ่งตำรวจยังไม่เปิดเผยรายชื่อ
จอห์น พรอบส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า เขาเห็นมือปืนซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานวิ่งลงมาจากตึกโดยถือปืนพกติดเลเซอร์ และมีคนถูกยิงเลือดท่วมหลายราย
ข้อมูลจากเว็บไซต์ LinkedIn ระบุว่า มาร์ติน เป็นพนักงานประกอบวาล์วของโรงงาน เฮนรี แพรตต์ ในเมืองออโรรา ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ มุลเลอร์ วอเตอร์ โปรดักต์ส ที่มีฐานอยู่ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย
เหตุการณ์นี้ถือเป็นความรุนแรงจากอาวุธปืนครั้งล่าสุดในสหรัฐฯ ซึ่งการกราดยิงดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว และเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังครบรอบ 1 ปีเหตุสังหารหมู่ 17 ศพที่โรงเรียนมัธยม มาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ในเมืองพาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา
ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกหญิงของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันว่า ผู้นำสหรัฐฯ ได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว และกำลังติดตามสถานการณ์ในเมืองออโรราอย่างใกล้ชิด
