เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - แอมะซอนร้านค้าออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลกประกาศเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ยกเลิกไม่สร้างสำนักงานใหญ่ขึ้นในเมืองนิวยอร์ก ซิตี หลังจากพลังประชาชนชาวนิวยอร์กต่อต้านอย่างหนัก เนื่องจากว่าการมาตั้งสำนักงานใหญ่ในลองไอร์แลนด์ ซิตี (Long Island City) จะทำให้ราคาบ้านพุ่งสูงขึ้นเหมือนที่เกิดขึ้นในซานฟรานซิสโก เบย์แอเรีย แต่ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก แอนดรูว์ โคโม ได้เคยเตือนไปถึงผู้นำชุมชนและผู้นำระดับต้องตอบคำถามต่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง หากแอมะซอนไม่สามารถนำงานจำนวน 25,000 ตำแหน่งมาสู่รัฐได้ เกิดขึ้นตามหลังการแฉครั้งประวัติศาสตร์ของเจ้าพ่อแอมะซอน เจฟฟ์ เบซอส เมื่อเขาออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะว่า สื่อแทบลอยด์ชื่อดังสหรัฐฯ เนชันแนล เอนไควเรอร์ ส่งอีเมลข่มขู่จะเปิดเผยภาพ “เซลฟีไอ้จ้อน” ที่เบซอสส่งให้กับแฟนสาว ลอเรน ซานเชซ (Lauren Sanchez) ร่วม 20 รูป
CNBC รายงานเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ว่า ในแถลงการณ์ที่ออกมาจากบริษัท แอมะซอน อิงค์ รับในวันพฤหัสบดี(14)ว่า ทางบริษัทยอมถอยไม่สร้างสำนักงานใหญ่ขึ้นในเมืองนิวยอร์ก ซิตี หลังจากถูกต่อต้านอย่างหนักจากคนในพื้นที่
และในแถลงการณ์ ทางแอมะซอนยังชี้ว่า ทางบริษัทไม่มีแผนที่จะสำรวงหาพื้นที่ใหม่แทนจุดเดิม แต่ทางแอมทะซอนจะยังคงเดินหน้าสร้างสำนักงานใหญ่ในรัฐเวอร์จิเนียต่อไป รวมไปถึงในเมืองแนชวิลล์ (Nashville ) รัฐเทนเนสซี
ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเผิดเผยเป็นเจ้าแรกว่า ***ผู้บริหารบริษัทแอมะซอนยอมที่จะถอยจากการสร้างสำนักงานใหญ่ในเมืองลองไอร์แลนด์ ซิตี ที่ติดกับควีนส์***
“ในขณะที่โพลสำรวจแสดงให้เห็นว่า 70% ของชาวนิวยอร์กสนับสนุนแผนและการลงทุนของเรา แต่ทว่ามีนักการเมืองระดับท้องถิ่นและระดับรัฐได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า พวกเขาต่อต้านการปรากฏตัวของเรา และจะไม่ทำงานร่วมกับเราในการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความจำเป็นต้องเกิดขึ้น เพื่อการก้าวต่อไปพร้อมกับโปรเจกต์ที่เราและคนอื่นอีกมากมายต่างเห็นในศักยภาพของเมือง ลองไอร์แลนด์ ซิตี” รายงานจากแถลงการณ์ของบริษัท แอมะซอน
ซึ่งโพลสำรวจของมหาวิทยาลัยควินนีเพียค (Quinnipiac University poll) ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พบว่า 57% ของชาวนิวยอร์กที่ตอบแบบสอบถาม เห็นด้วยกับแผนของแอมะซอนในการที่จะก่อสร้างสำนักงานใหญ่ขึ้นในเมืองลองไอร์แลนด์ ซิตี” อ้างอิงจากรอยเตอร์
อย่างไรก็ตาม แอมะซอนกล่าวว่า ทางบริษัทจะยังคงเพิ่มจำนวนทีมของตัวเองที่มีอยู่แล้วในสเตเทน ไอร์แลนด์ (Staten Island ) บรุ๊คลิน และแมนแฮตตัน
CNBC ชี้ว่า หุ้นแอมะซอนแทบไม่ขยับหลังจากแอมะซอน อิงค์ ออกแถลงการณ์ระบุว่า ได้ยกเลิกแผนการตั้งสำนักงานใหญ่ขึ้นในเมืองนิวยอร์ก ซิตี
ก่อนหน้านี้ พบว่า ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก แอนดรูว์ โคโม ได้เคยส่งคำเตือนไปยังผู้นำชุมชนและผู้นำระดับ ที่เขากล่าวว่าคนเหล่านี้ต้องตอบคำถามต่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง หากแอมะซอนไม่สามารถนำงานจำนวน 25,000 ตำแหน่งมาสู่รัฐได้ในที่สุด
“คุณต้องการให้มีความหลากหลายในระบบเศรษฐกิจของคุณหรือไม่ คุณไม่ต้องการให้มีแค่วอลสตรีทและการเงินอย่างนั้นใช่ไหม” โคโมกล่าวในงานแถลงข่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมเสริมว่า “เราต้องการแอมะซอน”
ซึ่งหลังจากที่มีแถลงการณ์ยกเลิกการสร้างสำนักงานใหญ่ในเมืองลองไอร์แลนด์ ซิตี ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า
“นักการเมืองเพียงแค่กลุ่มเล็กๆผลักดันผลประโยชน์ทางการเมืองที่คับแคบของพวกเขาเองเหนือของชุมชน” และเสริมต่อว่า โพลแล้วโพลเล่าแสดงให้เห็นการสนับสนุนอย่างท่วมท้นต่อการนำ “แอมะซอน” มาสู่ลองไอร์แลนด์ ซิตี ซึ่งถือเป็นอนาคตทางเศรษฐกิจของรัฐ และผลประโยชน์อย่างมากที่สุดของประชาชนในรัฐแห่งนี้”
โคโมเสริมกล่าวว่า “สภาสูงประจำรัฐนิวยอร์กสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล พวกเขาสมควรต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจครั้งนี้”
ทั้งนี้ พบว่า พนักงานแอมะซอนบางส่วนได้เข้าซื้อบ้านในเมืองลองไอร์แลนด์ ซิตี และพื้นที่ใกล้ควีนส์ ก่อนที่ทางบริษัทจะประกาศแผนการสร้างสำนักงานใหญ่ที่นั่นด้วยซ้ำ วอลสตรีทเจอร์นัลรายงานเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว
พ่อเมืองนิวยอร์ก ซิตี บิล เด บลาสซิโอ แสดงความเห็นถึงการประกาศยกเลิกแผนการตั้งสำนักงานใหญ่ของแอมะซอนว่า “คุณต้องหนักแน่นที่สุดในการที่จะทำให้เกิดขึ้นในนิวยอร์ก เราให้โอกาสแอมะซอนในการที่จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และทำธุรกิจในเมืองที่ดีที่สุดในโลก แต่แทนที่จะร่วมมือกับชุมชน แอมะซอนกลับยอมทิ้งโอกาสนั้นไป” และเสริมว่า “เรามีผู้คนที่มีความสามารถมากที่สุดในโลก และทุกวันเราจะแข็งแกร่งขึ้น และมีเศรษฐกิจที่เป็นธรรมต่อทุกคน แต่หากว่าทางแอมะซอนไม่เห็นถึงคุณค่าในสิ่งนี้ คู่แข่งอาจเห็น”
CNBC ชี้ว่า การประกาศยกเลิกแผนการตั้งสำนักงานใหญ่เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจแอมะซอน “เจฟฟ์ เบซอส” กลายเป็นหัวข้อข่าวไปทั่วโลก เกิดขึ้นเมื่อเบซอสใช้บล็อกส่วนตัวประกาศต่อสาธารณะ ว่า เขาถูกหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ชื่อดัง เนชันแนล เอนไควเรอร์ พยายามแบล็กเมลข่มขู่ที่จะเปิดเผยภาพนู๊ดส่วนตัวที่เขาส่งทางโทรศัพท์มือถือให้กับแฟนสาว ลอเรน ซานเชซ (Lauren Sanchez)
โดยในบล็อกที่ลงวันที่ 7 ก.พ. เจ้าพ่อแอมะซอน กล่าวหาบริษัท อเมริกัน มีเดีย อิงค์ หรือ AMI (American Media Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ชื่อดังของสหรัฐฯ “เนชันแนล เอนไควเรอร์” ว่าเขาถูกสิ่งพิมพ์ทำการแบล็กเมลและขู่กรรโชก
ทางเบซอสอ้างว่า ทาง AMI ได้ขอให้เขาออกแถลงการณ์ปฎิเสธถึงแรงจูงใจทางการเมืองใดๆในการรายงานของAMI เรื่องการหย่าร้างของตัวเขา
แต่ทว่าในวันที่ 8 ก.พ. หรือ 1 วันหลังจากนั้น ทาง AMI ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่จะยังคงทำเดินหน้าสอบสวนต่อไป โดย AMI ทำติดตามเบซอส และแฟนสาวนานร่วม 4 เดือน ก่อนที่จะเปิดโปงความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งคู่ ทั้งนี้ พบว่า ทั้งเบซอสและภรรยา แม็คเคนซี ประกาศข่าวการหย่าร้างต่อสาธารณะในวันที่ 9 ม.ค
ซึ่งในบล็อก เบซอสกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “แน่นอนที่สุด ผมไม่ต้องการให้รูปส่วนตัวถูกตีพิมพ์ แต่ผมจะไม่ยอมร่วมอยู่ในกระบวนการถูกแบล็กเมล การให้ข้อเสนอทางการเมือง การโจมตีทางการเมือง และคอร์รัปชัน อันที่เป็นที่รู้จักกันดีของพวกเขา” และกล่าวต่อว่า “ผมต้องการลุกขึ้นยืน และกลิ้งซุงเข้าปะทะ เพื่อดูว่าจะมีอะไรคลานออกมาบ้าง”
มีรายงานเป็นที่เปิดเผยว่า เบซอสแอบถ่ายภาพอวัยวะเพศของตัวเอง รวมไปถึงภาพเปลือยที่ไม่สวมเสื้อ พร้อมกับข้อความส่วนตัวให้กับแฟนสาว ซานเชซในระหว่างที่คนทั้งคู่มีความสัมพันธ์นานร่วม 8 เดือนโดยไม่ให้ภรรยาจับได้
เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานแบบเจาะลึกเมื่อวานนี้ (14) ว่า เบซอสส่งภาพไอ้จ้อนของตัวเองร่วม 20 ภาพไปให้กับแฟนสาว ซึ่งในเวลานี้เชื่อว่า ภาพสุดสยิวนี้อยู่ตกในมือของ เนชันแนล เอนไควเรอร์ แล้ว
สื่อ indaikejisblog อ้างว่า คนทั้งคู่ได้แอบส่งข้อความวาบหวามให้แก่กัน โดยหนึ่งในนั้นได้แก่ “ผมรักคุณ สาวน้อยที่มีชีวิตชีวา ผมจะแสดงให้คุณเห็นด้วยร่างกายของตัวผม ด้วยริมผีปากและดวงตาของผมในไม่ช้า”
และในอีกหนึ่งข้อความของเบซอสที่ทางเอนไควเรอร์อ้างว่า ถูกส่งมาจากเบซอส มีใจความว่า “ผมต้องการสูดกลิ่นของคุณ ผมต้องการหายใจคุณเข้าไป ผมต้องการกอดคุณอย่างแนบแน่น...ผมต้องการจุมพิตที่ริมฝีปากของคุณ..ผมรักคุณ ผมหลงรักคุณ”
ทั้งนี้ ลอเรน ซานเชซ วัย 49 ปี นักจัดรายการทางโทรทัศน์ชื่อดังของสหรัฐฯอยู่ในสถานภาพสมรสและมีบุตร ส่วนเบซอสในวัย 54 ปี ครองชีวิตสมรสร่วมกับภรรยา แม็คเคนซี มายาวนานร่วม 25 ปี โดยคนทั้งคู่มีบุตรร่วมกันก่อนที่เธอจะจับได้ว่าเขานอกใจกับซานเชซ
