xs
xsm
sm
md
lg

“ทรัมป์” ยังคุยลั่น อาทิตย์หน้าประกาศชัยเหนือไอเอส 100% ขณะรมว.ต่างประเทศมะกันปลอบพันธมิตร สหรัฐฯ ถอนทหารจากซีเรีย ไม่ใช่จะเลิกรบแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

<i>ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมของกลุ่มพันธมิตรเพื่อปราบปรามเอาชนะกลุ่มไอซิส (ไอเอส) ณ กระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน ในกรุงวอชิงตัน วันพุธ (6 ก.พ.) </i>
รอยเตอร์/เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ คุยลั่นในวันพุธ (6 ก.พ.) ว่า เขาคาดหมายจะสามารถประกาศเป็นทางการได้อย่างเร็วที่สุดในอาทิตย์หน้าว่า กลุ่มพันธมิตรซึ่งร่วมมือกันโดยมีสหรัฐฯเป็นผู้นำ ในการต่อสู้กับพวกนักรบของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” สามารถชิงพื้นที่ซึ่งกลุ่มสุดโต่งกลุ่มนี้เคยยึดเอาไว้ กลับคืนมาได้ทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางด้านรัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ พยายามคลายกังวลเหล่าชาติพันธมิตร โดยยืนยันว่าวอชิงตันแค่เปลี่ยนยุทธวิธี พร้อมเรียกร้องประเทศต่างๆ ร่วมมือกันกำจัดกลุ่มก่อการร้ายนี้ให้สูญพันธุ์ถาวร

“ดินแดนของพวกเขาสูญเสียไปแล้ว มันเป็นปัจจัยใหญ่ประการหนึ่ง ดินแดนของพวกเขาสูญเสียไปแล้ว” ทรัมป์บอกกับเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศและพวกเจ้าหน้าที่อาวุโสอื่นๆ จาก 79 ประเทศซึ่งได้ทำงานเคียงข้างกับสหรัฐฯ ในการสู้รบกับนักรบกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก

การที่ทรัมป์ตัดสินใจเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ว่าจะถอนกองทหารสหรัฐฯซึ่งมีจำนวนประมาณ 2,000 คนออกจากซีเรีย ได้ทำให้เกิดความรู้สึกช็อกจากพวกประเทศและกลุ่มที่ร่วมสู้รบอยู่กับอเมริกา รวมทั้งเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากภายในอเมริกาทั้งจากสมาชิกรัฐสภาของพรรครีพับลิกันและของพรรคเดโมแครต เนื่องจากพวกเขาหวั่นเกรงว่า กลุ่มรัฐอิสลามอาจจะฟื้นคืนความเข้มแข็งของพวกเขาขึ้นมาได้ใหม่

พลเอกโจเซฟ โวเทล ผู้บัญชาการของกองบัญชาการทหารสหรัฐฯ ด้านกลาง (US Central Command หรือ USCENTCOM) ซึ่งรับผิดชอบดูแลด้านการทหารของอเมริกาทั้งในตะวันออกกลางและอัฟกานิสถาน ก็กล่าวในการไปให้ปากคำต่อวุฒิสภาเมื่อวันอังคาร (5) ว่า ไอเอสอาจผงาดขึ้นมาได้ใหม่ภายหลังสหรัฐฯถอนตัวออกไป

ในวันพุธ (6) ทรัมป์ไม่ได้แสดงท่าทีลดความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะถอนตัวจากซีเรีย โดยกล่าวว่า “เรากำลังเฝ้ารอคอยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นแก่บรรดานักรบผู้กล้าหาญของเราในซีเรียในเวลากลับถึงบ้าน”

“กองทหารสหรัฐฯ, เหล่าหุ้นส่วนพันธมิตรของเรา, และกองกำลังฝ่ายประชาธิปไตยชาวซีเรีย ในทางเป็นจริงได้ปลดปล่อยดินแดนทั้งหมดทั้งสิ้นซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกยึดเอาไว้โดยพวกไอซิส (ไอเอส) ในซีเรียและในอิรัก” ทรัมป์กล่าวกับที่ประชุมซึ่งจัดขึ้น ณ กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันในกรุงวอชิงตัน ทั้งนี้ กองกำลังฝ่ายประชาธิปไตยชาวซีเรีย (Syrian Democratic Forces หรือ SDF ) ที่ทรัมป์กล่าวถึง เป็นกองกำลังอาวุธของฝ่ายกบฎชาวซีเรียที่สหรัฐฯสนับสนุนอยู่ โดยกลุ่มซึ่งเข้มแข็งที่สุดใน SDFคือกลุ่มชาวเคิร์ดในซีเรีย

เขาบอกด้วยว่า “ควรที่จะสามารถประกาศอย่างเป็นทางการ ในช่วงใดช่วงหนึ่ง บางทีอาจจะในสัปดาห์หน้านี่แหละ ว่าเรายึดครองพื้นที่ของคอลิฟะห์ (รัฐกาหลิบที่พวกไอเอสประกาศจัดตั้งขึ้น) ได้ทั้ง 100 เปอร์เซนต์แล้ว”

อย่างไรก็ดี ทรัมป์กล่าวในเชิงยอมรับว่า พวกไอเอสยังคงเหลืออยู่ในลักษณะเป็น “พวกเศษเดน –นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขามีกันอยู่ เป็นพวกเศษเดน-- กระนั้นพวกเศษเดนก็ยังสามารถที่จะสร้างอันตรายได้อย่างมาก”

“ขอให้พักผ่อนด้วยความสบายใจ พวกเราจะทำสิ่งที่ต้องทำเพื่อสร้างความปราชัยให้แก่ทุกๆ ออนซ์ และให้แก่ทุกๆ บุคคลจนกระทั่งคนสุดท้ายภายในความบ้าคลั่งของกลุ่มไอซิส (ไอเอส) และพิทักษ์ปกป้องประชาชนของเราจากลัทธิก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง” เขาบอก
<i>บรรดาผู้แทนรับฟังคำปราศรัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ </i>
ก่อนหน้าที่ทรัมป์ปราศรัย รัฐมนตรีต่างประเทศพอมเพโอของสหรัฐฯ ได้กล่าวย้ำมุ่งสร้างความมั่นใจให้แก่บรรดาชาติพันธมิตรทั้งหลายว่า การที่สหรัฐฯถอนทหารออกจากซีเรีย ไม่ได้หมายถึง “อเมริกายุติการสู้รบ” ปราบปรามพวกรัฐอิสลาม พร้อมกันนั้นเขายังเรียกร้องบรรดาชาติพันธมิตรให้ช่วยเหลือยังความปราชัยอย่างถาวรแก่พวกรัฐอิสลามในซีเรียและในอิรัก

“การที่ทหารสหรัฐฯ กำลังถอนตัวออกจากซีเรีย ไม่ไดหมายถึงการที่อเมริกายุติการสู้รบ การสู้รบนี้เป็นการสู้รบหนึ่งซึ่งเราจะดำเนินต่อไปเคียงข้างพวกท่านทั้งหลาย” พอมเพโอกล่าว “การถอนทหารนี้โดยสาระสำคัญแล้วเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางยุทธวิธี มันไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงในภารกิจ มันเพียงแค่เป็นตัวแทนแสดงถึงขั้นตอนใหม่ในการสู้รบอันเก่า”

อย่างไรก็ดี คำเตือนของพอมเพโอและฝ่ายอื่นๆ ที่ว่าไอเอสยังคงเป็นภัยคุกคามที่มีอันตรายสูง ยังคงเสมือนเป็นการตบหน้าใส่ทรัมป์ ซึ่งกล่าวในตอนประกาศถอนทหารอเมริกันออกไปจากซีเรียว่า ไอเอสนั้นพ่ายแพ้แล้ว

สำหรับการประชุมในวันพุธคราวนี้ บังเกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามเบื้องหลังฉากของฝ่ายต่างๆ ที่จะบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เกิดผลพวงต่อเนื่องที่ไม่พึงประสงค์จากการถอนทหารของสหรัฐฯ เป็นต้นว่า การรักษาสันติภาพระหว่างตุรกีกับกลุ่มนักรบชาวเคิร์ด ตลอดจนการหาทางออกสำหรับพวกนักรบญิฮาดต่างชาติหลายร้อยคนซึ่งถูกคุมขังอยู่ในซีเรีย โดยที่วอชิงตันกำลังเสนอว่าควรจะจัดส่งบุคคลเหล่านี้กลับประเทศบ้านเกิด

กระนั้น การประชุมที่ใช้เวลาเพียงวันเดียวครั้งนี้ไม่มีคำประกาศสำคัญใดๆ ออกมา มิหนำซ้ำบรรดาผู้นำของอเมริกายังให้ความสำคัญกับประเด็นภายในประเทศมากกว่า เช่น ทรัมป์ถือโอกาสนี้ย้ำว่าจะใช้ไม้แข็งกับปัญหาการลักลอบเข้าเมือง นอกจากนั้น ยังไม่มีการเชิญตัวแทนจากรัฐบาลซีเรียและอิหร่านที่มีส่วนในการต่อสู้กับไอเอส ร่วมประชุมด้วย

หนึ่งในประเด็นสำคัญในการหารือซึ่งดูจะยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจนและต้องมีการหารือกันต่อไป คือ ควรจัดตั้งเขตกันชนขึ้นที่บริเวณชายแดนซีเรียติดกับตุรกีหรือไม่ โดยที่เรื่องนี้เกี่ยวข้องพัวพันไปถึงเรื่องนักรบญิฮาดต่างชาติ

เอสดีเอฟซึ่งกองกำลังสำคัญคือชาวเคิร์ด เตือนว่าคงไม่สามารถดูแลคุกที่ขังพวกนักรบญิฮาด ซึ่งมีทั้งที่มาจากฝรั่งเศส อังกฤษ ตลอดจนประเทศอื่นๆ อีกต่อไปหลังจากอเมริกาถอนกำลังออกจากซีเรีย แล้วตุรกีเข้าโจมตีดินแดนยึดครองของตน

ขณะที่ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ซึ่งเคยหารือกับทรัมป์ก่อนที่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศถอนทหารนั้น ยืนยันว่าจะบดขยี้นักรบเคิร์ดในซีเรียซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มชาวเคิร์ดแบ่งแยกดินแดนในตุรกี

เมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีที่ร่วมประชุมในกรุงวอชิงตันครั้งนี้ด้วย กล่าวว่าตุรกีจะดำเนินการเพื่อป้องกันสุญญากาศแห่งอำนาจที่อาจเข้าทางกลุ่มชาวเคิร์ดในซีเรีย ซึ่งตุรกีเรียกว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น