รอยเตอร์ - รัสเซียเตือนในวันพุธ(23ม.ค.) ว่าอิสราเอลควรหยุดดำเนินการในสิ่งที่มอสโกเรียกว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโดยพลการในซีเรีย ไม่กี่วันหลังจากกองทัพอากาศอิสราเอลถล่มเป้าหมายต่างๆที่พวกเขาบอกว่าเป็นกองกำลังอิหร่านที่อยู่ในซีเรีย
อิสราเอลดำเนินโจมตีอย่างต่อเนื่องในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นเป้าหมายต่างๆของอิหร่านในซีเรียและพวกกลุ่มติดอาวุธพันธมิตรของเตหะราน ในนั้นรวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์จากเลบานอน โดยนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นปฏิบัติการไม่จำกัดเวลาสำหรับผลักดันคู่อริอย่างอิหร่านให้ล่าถอย
อย่างไรก็ตามปฏิบัติการโจมตีก่อความไม่ลงรอยระหว่างอิราเอลกับรัสเซียมาช้านาน เนื่องจากมอสโกก็เหมือนกับอิหร่านที่เป็นผู้สนับสนุนต่างชาติหลักของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย
ที่ผ่านมา พวกเจ้าหน้าที่อิสราเอลเคยบอกว่ามีข้อตกลงกับรัสเซีย ซึ่งพวกเขาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียของอิสราเอลจะไม่เป็นภัยต่ออัสซาด ในขณะที่รัสเซียให้สัญญาว่าจะช่วยจำกัดอิทธิพลของอิหร่านใกล้แนวหน้าของอิสราเอล
ทั้งสองฝ่ายได้มีการจัดตั้งสายด่วนมาตั้งแต่ 2015 โดยมีเป้าหมายรับประกันว่ากองกำลังรัสเซียในซีเรียจะได้รับแจ้งล่วงหน้าต่อปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอล
"การโจมตีโดยพลการต่อดินแดนของรัฐอธิปไตยหนึ่งๆ อย่างเช่นกรณีนี้ที่เราพูดถึงก็คือซีเรีย ไม่ควรเกิดขึ้น" มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวกับสำนักข่าวทาสส์นิวส เมื่อถูกถามเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียของอิสราเอลเมื่อเร็วๆนี้
โฆษกรายนี้ระบุว่าการโจมตีดังกล่าวซ้ำเติมความตึงเครียดในภูมิภาค ซึ่งเธอบอกว่ามันไม่เป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อประเทศใดๆในตะวันออกกลาง ในนั้นรวมถึงอิสราเอล "เราจะไม่มีวันปล่อยให้ซีเรีย ซึ่งเผชิญความขัดแย้งติดอาวุธมานานหลายปี ถูกเปลี่ยนเป็นสังเวียนสะสางทางภูมิรัฐศาสตร์"
ความเห็นของเธอมีขึ้นหลังจากอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียรอบใหม่เมื่อวันจันทร์(21ม.ค.) ทั้งนี้แม้อิสราเอลยังไม่ออกมาตอบโต้ แต่ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน เนทันยาฮู ส่งสัญญาณว่าการโจมตีทางอากาศถล่มซีเรียจะเดินหน้าต่อไป