เอเจนซีส์ - “นายกฯ เมย์” เดินหน้าผ่าทางตันเบร็กซิต หลังรอดพ้นมติไม่ไว้วางใจ เรียกร้องนักการเมืองละวางผลประโยชน์ส่วนตน ขณะที่ผู้นำพรรคแรงงานฝ่ายค้านยืนกรานไม่คุยด้วย นอกจากรัฐบาลยอมตัดทางเลือกในการถอนตัวจากอียูโดยปราศจากข้อตกลง ด้านผู้นำยุโรประบุพร้อมเจรจาถ้าลอนดอนตัดสินใจได้แล้วว่า จะทำอย่างไรต่อไป
นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของสหราชอาณาจักร เรียกร้องในวันพฤหัสบดี (17 ม.ค.) ให้ผู้นำพรรคการเมืองต่างๆ ละวางผลประโยชน์ส่วนตน และหาทางออกสำหรับวิกฤตการณ์การเมืองและเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ หลังจากที่ตัวเธอเองรอดพ้นจากการโหวตไม่ไว้วางใจในสภาสามัญ (สภาผู้แทนราษฎร) เมื่อคืนวันพุธ (16) ด้วยคะแนนเสียง 325 ต่อ 306 จากการที่ทั้งลูกพรรคอนุรักษนิยมของเธอเอง และพรรคพันธมิตรที่มีฐานเสียงในไอร์แลนด์เหนือ ยังคงให้การสนับสนุนเธอต่อไป
ก่อนหน้านั้นในวันอังคาร (15) ข้อตกลงถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) อย่างฉันมิตรซึ่งนายกรัฐมนตรีหญิงผู้นี้ใช้ความพยายามในการเจรจาต่อรองกับฝ่ายอียูมานาน 2 ปี ได้ถูกสภาสามัญบดขยี้อย่างไม่ไว้หน้า โดยที่มี ส.ส.พรรคอนุรักษนิยมกว่าร้อยคน หันไปร่วมกับฝ่ายค้านในการโหวตคว่ำ จนถือเป็นความปราชัยครั้งใหญ่ที่สุดของผู้นำฝ่ายบริหารของสหราชอาณาจักรในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ทีเดียว
ถ้าหากเมย์ไม่สามารถบรรลุฉันทามติในเรื่องเงื่อนไขของเบร็กซิต จนกระทั่งถึงเส้นตายในวันที่ 29 มีนาคมนี้แล้ว อังกฤษก็อาจออกจากอียูโดยปราศจากข้อตกลง ซึ่งเกรงกันว่าจะบังเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย หรือไม่ก็อาจถูกบังคับให้ต้องเลื่อนเบร็กซิตออกไปก่อน แล้วจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ หรือกระทั่งจัดให้มีการทำประชามติในเรื่องเบร็กซิตกันอีกรอบหนึ่ง
เมย์ปฏิเสธมาตลอดเรื่องการจัดการเลือกตั้งในช่วงนี้ รวมทั้งแสดงความไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนเบร็กซิตออกไปก่อน เพื่อให้มีเวลามากขึ้นสำหรับการเจรจาทำข้อตกลงกับอียู นอกจากนั้นเธอเตือนว่า การทำประชามติรอบใหม่เท่ากับบ่อนทำลายความศรัทธาที่มีต่อประชาธิปไตย เนื่องจากเท่ากับไม่เคารพเสียงของประชาชน 17.4 ล้านคนที่เป็นฝ่ายชนะด้วยการโหวตให้อังกฤษถอนตัวจากอียูในการทำประชามติเมื่อปี 2016
ทางด้านสมาชิกชาติอื่นๆ ในอียูนั้น มีท่าทางว่าพร้อมให้มีการหารือใหม่กับสหราชอาณาจักร แต่สำทับว่า คงทำอะไรไม่ได้มากนักหากลอนดอนยังตัดสินใจไม่ได้ว่า ต้องการอะไรจากเบร็กซิต
พวกผู้นำยุโรปย้ำว่า จะไม่นำเอาข้อตกลงเบร็กซิตที่ผ่านความเห็นชอบในการประชุมสุดยอดที่บรัสเซลส์เมื่อเดือนที่แล้ว มาเจรจากันใหม่อีก โดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ส่งสัญญาณว่า อียูอาจยอมแก้ไขประเด็นปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่กระทบต่อจุดยืนสำคัญเกี่ยวกับการค้าและพรมแดน ส่วนนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคลของเยอรมนี ระบุว่า ยังมีเวลาสำหรับการหารือตราบที่ลอนดอนสามารถแสดงจุดยืนที่ชัดเจนและเป็นเอกฉันท์
ทั้งนี้ นับจากที่ประชาชนในสหราชอาณาจักรลงมติด้วยคะแนน 52% ต่อ 48% สนับสนุนการถอนตัวจากอียูในเดือนมิถุนายน 2016 พวกนักการเมืองของประเทศนี้ยังไม่สามารถตกลงกันได้ว่า จะออกจากอียูอย่างไรหรือกระทั่งจะถอนตัวจริงหรือไม่
ภารกิจเฉพาะหน้าของเมย์ยิ่งหนักหนาขึ้นไปอีก เมื่อเจเรมี คอร์บิน ผู้นำพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุด ปฏิเสธที่จะหารือนอกจากเมย์รับปากว่า จะไม่มีการถอนตัวจากอียูโดยปราศจากข้อตกลง
เมย์ตอบโต้ด้วยการแสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจของคอร์บิน และย้ำว่า การถอนตัวโดยไม่มีข้อตกลงยังคงเป็นทางเลือกหนึ่ง
พวกผู้นำผู้บริหารภาคธุรกิจในสหราชอาณาจักร ต่างอกสั่นขวัญแขวนกับวิกฤตการเมืองจากเบร็กซิตที่ขณะนี้สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของอังกฤษในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุนสำคัญสำหรับต่างชาติแล้ว และเรียกร้องให้รัฐบาลตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและเร่งด่วน รวมทั้งเตือนถึงผลเสียหายมากมายที่จะเกิดขึ้นจากการถอนตัวแบบไม่มีข้อตกลง
พรรคแรงงานนั้นต้องการให้สหราชอาณาจักรยังคงเข้าร่วมในสหภาพศุลกากรกับอียูอย่างถาวร รวมทั้งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตลาดอียูที่เป็นหนึ่งเดียว ตลอดจนขยายการปกป้องแรงงานและผู้บริโภค
ทว่า เมื่อวันพฤหัสบดี แบรนดอน ลูอิส ประธานพรรคอนุรักษนิยมของเมย์ ออกมาคัดค้านว่า อังกฤษไม่ควรคงอยู่ในสหภาพศุลกากรปัจจุบัน เนื่องจากการทำข้อตกลงการค้ากับประเทศต่างๆ ภายหลังเบร็กซิตแล้ว เป็นสิ่งที่มีความสำคัญกว่า
วันเดียวกัน อดีตนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ แสดงความเห็นว่า ดูเหมือนตอนนี้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเลื่อนเบร็กซิตได้แล้ว และว่า การถอนตัวโดยไม่มีข้อตกลงจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร
เมย์และทีมงาน วางแผนเจรจากับสมาชิกสภาจากพรรคต่างๆ ตลอดสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีกำหนดนำเสนอแผนสำรองสำหรับเบร็กซิตต่อสภาในวันจันทร์ (21)