เอเจนซีส์ /รอยเตอร์ - ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนุน(Rahaf Mohammed al-Qunun)สาวซาอุฯวัย 18 ปี ได้เปิดใจให้สัมภษณ์กับสื่อครั้งแรกจากแคนาดา ยืนยันเชื่อเคสของเธอจะจุดประกายให้ผู้หญิงในซาอุฯหลบหนีออกนอกประเทศมากขึ้น เธอพร้อมที่จะเริ่มต้นการศึกษาเล่าเรียน หางานทำ และมีชีวิตใหม่ในแคนาดา ก่อนเปิดเผย คาดว่าทาง ตม.ไทยจะบุกเข้าห้องพักในโรงแรมเพื่อที่ลักพาตัวเธอไป ชี้ในเวลานั้นมีตั้งใจที่จะทำการปลิดชีวิตตัวเองหากถึงที่สุด ล่าสุดครอบครัวได้ประกาศตัดขาดแล้ว
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(15 ม.ค)ว่า ในการให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกหลังจากได้รับสถานภาพผู้ลี้ภัยในแคนาดา สาวซาอุฯวัย 18 ปี ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนุน(Rahaf Mohammed al-Qunun) ที่ในเวลานี้อยู่ในแคนาดา กล่าวกับสื่อเอบีซีนิวส์ของออสเตรเลียว่า เธอเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ของไทยจะบุกเข้ามาเพื่อลักพาตัวเธออกไปหลังจากที่เธอได้ขังตัวเองอยู่ในโรงแรมนานร่วม 6 คืนติดต่อกัน
โดยเธอกล่าวว่า คาดว่าทางเจ้าหน้าที่ “จะบุกเข้ามาภายในห้องพัก และทำการลักพาตัวดิฉัน” และเธอมีความตั้งใจที่จะทำการปลิดชีพตัวเอง โดยชี้ว่า
“และด้วยเหตุนี้ทำให้ดิฉันได้เขียนจดหมายสั่งลา ดิฉันตัดสินใจที่จะทำการปลิดชีวิตตัวเองหากต้องถูกบังคับกลับไปซาอุดีอาระเบีย”
อัล-คูนุนยืนยันกับเอบีซีนิวส์ว่า “ดิฉันต้องการเป็นอิสระจากการถูกกดขี่และความเศร้า” และเสริมต่อว่า “ดิฉันต้องการเป็นเอกเทศโดยที่ไม่ต้องการขออนุญาต ดิฉันไม่สามารถเลือกที่จะแต่งงานกับคนที่รักได้ ดิฉันไม่สามารถทำงานได้หากปราศจากการได้รับอนุญาต”
ทั้งนี้พบว่าบิดาของสาวซาอุฯวัย 18 ปีมีตำแหน่งเป็นถึงผู้ว่าราชการจังหวัดในซาอุดีอาระเบีย และตัวเขาและพี่ชายได้เดินทางมาตามอัล-คูนุนถึงกรุงเทพฯเพื่อนำตัวเธอกลับ แต่ทว่าในวันจันทร์(14) ทางครอบครัวของอัล-คูนุนได้ออกจดหมายประกาศว่า ทางครอบครัวได้ตัดขาดกับเธอ และได้กล่าวถึงเธอว่า “มีความผิดปกติทางจิต”
เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานว่า อัล-คูนุนมีพี่น้องรวมกันถึง 9 คน ทางครอบครัวประกาศจะสังหารเธอหลังจากที่เธอได้ประกาศปฎิเสธศาสนาอิสลาม
สาวซาอุฯซึ่งเป็นนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยชั้นปีแรกได้กล่าวว่า เธอตัดสินใจหนีการควบคุมของผู้เป็นพ่อและพี่ชาย และได้ขึ้นเครื่องบินจากคูเวตเพื่อมุ่งหน้าไปยังออสเตรเลีย โดยมีจุดแวะพักที่กรุงเทพฯ
เดอะการ์เดียนรายงานว่า อัล-คูนุนยืนยันว่า ***เธอมีวีซ่าเข้าออสเตรเลีย*** แต่กลับถูกทาง ตม.ไทยควบคุมตัว และส่งเธอกักไว้ที่โรงแรมเพื่อรอการเนรเทศกลับซาอุฯ
และยังได้กล่าวถึงการตัดสินใจเข้าลี้ภัยในแคนาดาถึงแม้ว่าเธอจะได้ยื่นคำร้องขอสถานภาพลี้ภัยที่ออสเตรเลียผ่านการช่วยเหลือของหน่วยงานของสหประชาชาติว่าด้วยผู้อพยพ UNHCR โดยเธอชี้ว่า สหประชาชาติเลือกแคนาดาเป็นเพราะกระบวนการพิจารณาการให้สถานภาพผู้ลี้ภัยแก่เธอนั้นรวดเร็วกว่า
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดิฉันเลือก แต่เป็นของสหประชาชาติ” อัล-คูนุนกล่าว พร้อมชี้ต่อว่า “สิ่งที่ดิฉันต้องการคือ ประเทศที่สามารถให้การปกป้องดิฉันได้ ดังนั้น ทางเลือกของดิฉันคือ ประเทศใดก็ตามที่ให้การปกป้องดิฉัน”
ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อออสเตรเลีย เธอเชื่อมั่นว่าจะมีจำนวนผู้หญิงในซาอุฯเพิ่มมากขึ้นที่จะตัดสินใจหนีออกนอกประเทศเพื่อที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยอัล-คูนุนชี้ว่าเคสของเธอนั้นจะนำการเปลี่ยนแปลงในซาอุฯ ที่จะทำให้ผู้หญิงซาอุฯมีความกล้าหาญมากขึ้นและเป็นอิสระ
“ดิฉันคิดว่าจำนวนของผู้หญิงหนีออกจากกรัฐบาลซาอุดีอาระเบียและการกดขี่จะเพิ่มขึ้น เป็นเพราะไม่มีระบบที่จะสามารถหยุดคนเหล่านั้นไว้ได้” และกล่าวต่อว่า “ดิฉันหวังว่า เรื่องราวของดิฉันจะสามารถกระตุ้นให้ผู้หญิงเหล่านั้นกล้าหาญและเป็นอิสระ”
อัล-คูนุนที่อยู่ในวัย 18 ปียืนยันว่า “ดิฉันหวังว่าเรื่องของดิฉันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างหลังจากที่ถูกตีแผ่ให้ได้รู้ไปทั่วโลกแล้ว”
ซึ่งในซาอุฯ ผู้หญิงจำเป็นต้องมีผู้ปกครองเป็นชาย และจะสามารถเดินทางได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากญาติฝ่ายชายแล้วเท่านั้น รวมไปถึงการทำงาน และการแต่งงาน
รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า ในการให้สัมภาณ์กับสื่อแคนาดา อัล-คูนุนชี้ว่า การได้มาที่แคนาดาถือเป็นการคุ้มที่สมควรเสี่ยง และยืนยันว่า มีความรู้สึกดีมากๆที่ได้อยู่ในประเทศแห่งนี้ โดยเธอมีความตั้งใจที่จะศึกษาต่อที่แคนาดา หางานทำ และมีชีวิตแบบปกติในประเทศแห่งนี้
โดยในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ CBC เธอกล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกว่า ดิฉันคงไม่สามารถทำตามความฝันของตัวเองได้ หากว่าดิฉันยังอยู่ในซาอุดีอาระเบีย”
และเธอได้ชี้ว่า ที่ประเทศใหม่นี้ เธอจะลองทำในสิ่งที่เธอยังไม่เคยมีโอกาส จะเรียนรู้ในสิ่งที่ยังไม่เคยได้เรียน และจะค้นหาชีวิตตัวเอง...จะมีงานทำและใช้ชีวิตตามแบบปกติเหมือนคนอื่น