'สีจิ้นผิง'ลั่นจะรวมไต้หวันแบบ'สันติ' แต่พร้อมใช้กำลังกับพวกแยกดินแดน-กองกำลังายนอกที่มาแทรกแซง

เอเจนซีส์ - “สี จิ้นผิง”ประกาศลั่น จีนสงวนสิทธิ์ในการใช้กำลังกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไต้หวันและกองกำลังภายนอกที่จ้องแทรกแซงการรวมไต้หวันกับมาตุภูมิ แต่จะพยายาม “รวมชาติ” อย่างสันติ พร้อมให้สัญญาไทเปจะมีอนาคตสวยสดงดงามภายใต้การปกครองของปักกิ่ง ขณะที่ไช่ อิงเหวินยันคนไต้หวันส่วนใหญ่ต่อต้านแนวทางหนึ่งประเทศ-สองระบบ

ไต้หวันถือเป็นประเด็นอ่อนไหวที่สุดของจีน โดยประธานาธิบดีสีกำลังพยายามเพิ่มความกดดันกับเกาะที่มีการปกครองของตนเองแต่จีนแผ่นดินใหญ่ถือเป็นมณฑลกบฎแห่งนี้ นับจากไช่ อิงเหวิน แห่งพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าที่สนับสนุนการแยกตัวประกาศเอกราช ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อปี 2016

สีมีความสนใจและให้ความสำคัญเป็นการส่วนตัวในการแก้ไขสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเรียกว่า “ประเด็นไต้หวัน” โดยจัดประชุมครั้งสำคัญกับหม่า อิงจิ่ว ประธานาธิบดีไต้หวันคนก่อนที่สิงคโปร์ เมื่อปลายปี 2015 หรือก่อนไช่ได้รับเลือกตั้งไม่นาน

ในวันพุธ (2) สีปราศรัยในศาลามหาประชาชนของกรุงปักกิ่ง ในวาระครบรอบ 40 ปีการแถลงนโยบายสำคัญเกี่ยวกับไต้หวัน โดยกล่าวว่า จีนต้องรวมกันเป็นหนึ่งและจะทำเช่นนั้น นี่เป็นสิ่งสำคัญซึ่งมีความจำเป็นชนิดหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการฟื้นคืนพลังของคนจีนในยุคใหม่ และการรวมชาติต้องอยู่ภายใต้หลักการจีนเดียวที่ยอมรับว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน

สีเสริมว่า คนไต้หวันส่วนใหญ่ตระหนักชัดเจนว่า การประกาศเอกราชจะนำไปสู่ “หายนะร้ายแรง” และให้สัญญาว่า จีนจะไม่โจมตีประชาชนของตัวเอง แต่เต็มใจใช้ความจริงใจที่สุดและทุ่มเทอย่างถึงที่สุดเพื่อบรรลุการรวมชาติอย่างสันติ แต่ไม่รับปากว่า จะไม่ใช้กำลังและขอสงวนสิทธิ์ในการใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อจัดการกับกิจกรรมของกลุ่มแบ่งแยกไต้หวันและ “กองกำลังภายนอก” ที่แทรกแซงการรวมชาติ ทั้งนี้เขาไม่ได้พาดพิงถึงประเทศใดๆ แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าหมายถึงอเมริกา ซึ่งยังเป็นผู้สนับสนุนสำคัญที่สุดของไต้หวัน

ประมุขแดนมังกรอธิบายว่า การรวมชาติต้องอยู่ภายใต้แนวทาง “หนึ่งประเทศ-สองระบบ” แบบเดียวกับที่ใช้กับฮ่องกงนับจากคืนสู่อ้อมอกจีนในปี 1997 ซึ่งจะปกป้องผลประโยชน์และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนไต้หวัน

สีย้ำว่า จีนพร้อมหารือกับทุกพรรคในไต้หวันเพื่อผลักดันกระบวนการทางการเมืองที่จีนได้ระงับเอาไว้ชั่วคราวนับจากที่ไช่เข้ารับตำแหน่ง ตราบที่พรรคนั้นๆ ยอมรับหลักการจีนเดียว รวมทั้งยังรับประกันกับชาวไต้หวันว่า ภายหลังการรวมชาติอย่างสันติ ไต้หวันจะมีสันติภาพที่ยั่งยืน และประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีและมั่งคั่ง จีนจะสนับสนุนการยกระดับระบบสวัสดิการของไต้หวันให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งขยายโอกาสในการพัฒนา

เมื่อวันอังคาร (1) ไช่ซึ่งยยืนยันว่า ต้องการรักษาสถานะดั้งเดิมกับจีนนั้น ได้กล่าวปราศรัยเรียกร้องให้ปักกิ่งแก้ไขข้อขัดแย้งด้วยสันติวิธี รวมทั้งเคารพค่านิยมประชาธิปไตยของไต้หวัน

ต่อมาในวันพุธ ไช่กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า คนไต้หวันส่วนใหญ่ต่อต้านแนวทางหนึ่งประเทศ-สองระบบ แต่ภูมิใจในวิถีประชาธิปไตยของตนเอง พร้อมเรียกร้องให้จีนมุ่งหน้าสู่ประชาธิปไตย ซึ่งจะทำให้จีนเข้าใจความคิดและการต่อต้านของประชาชนไต้หวัน

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ปักกิ่งส่งเครื่องบินและเรือรบซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันอยู่เนืองๆ รวมทั้งยังเดินเกมกดดันระหว่างประเทศด้วยการดึงพันธมิตรทางการทูตที่มีอยู่น้อยนิดของไทเปมาเป็นพันธมิตรของตัวเอง และบีบให้บริษัทระดับโลกหลายแห่งระบุบนเว็บไซต์ของตนเองว่า ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน

ขณะเดียวกัน ไต้หวันกำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีภายใน 1 ปี โดยที่พรรคของไช่อยู่ในฐานะอ่อนแอลงไป เห็นได้ชัดจากการพ่ายแพ้ราบคาบต่อพรรคก๊กมินตั๋งที่เป็นมิตรต่อจีนในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสภาท้องถิ่นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

การปราศรัยของสีครั้งนี้มีขึ้นในวาระครบรอบ 40 ปีการออก “จดหมายถึงพี่น้องร่วมชาติชาวไต้หวัน” ที่จีนประกาศยุติการระดมโจมตีหมู่เกาะนอกชายฝั่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไต้หวันหลังจากได้กระทำเช่นนั้นอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี รวมทั้งยังเสนอเปิดการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน

แม้ เจียง จิงกั๋ว ประธานาธิบดีไต้หวันในขณะนั้น ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว แถมเดือนเมษายน 1979 เจียงยังประกาศนโยบาย “สามไม่” คือ ไม่ติดต่อ ไม่ประนีประนอม และไม่เจรจากับจีน

แต่เมื่อปี 1987 เจียงก็ยอมให้ชาวไต้หวันเดินทางไปเยี่ยมญาติในจีน ทั้งนี้ เจียงเป็นลูกของจอมพลเจียง ไคเช็ค ที่พ่ายแพ้ในสงครามกลางเมืองกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน และอพยพถอยร่นไปยังเกาะไต้หวันในเดือนธันวาคม 1949