xs
xsm
sm
md
lg

ผลสำรวจชี้คนญี่ปุ่นมองความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ย่ำแย่ลง หลัง ‘ทรัมป์’ เปิดศึกการค้า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รอยเตอร์ - ชาวญี่ปุ่นมองความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ย่ำแย่ลงมากในปีนี้ โดยสาเหตุสำคัญมาจากการประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มส่งสัญญาณจะเปิดสงครามการค้ากับญี่ปุ่นเป็นรายต่อไป ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดเผยวันนี้ (19 ธ.ค.)

ผลสำรวจรายปีโดยแกลลัปโพลและหนังสือพิมพ์โยมิอุริชิมบุนพบว่า สัดส่วนประชากรชาวญี่ปุ่นที่มองว่าความสัมพันธ์ระหว่างโตเกียวกับสหรัฐฯ อยู่ในระดับ ‘ดี’ ลดลงมากเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2000

ตั้งแต่เริ่มรณรงค์หาเสียงเพื่อชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 ทรัมป์ ก็วิจารณ์เรื่องที่ญี่ปุ่นได้ดุลการค้าอเมริกาสูงถึง 69,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งคิดเป็น 75% ของมูลค่าส่วนต่างดังกล่าว

ผลสำรวจซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 26 พ.ย. ถึงวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 39% เท่านั้นที่คิดว่าความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ยังคงดีอยู่ จากเดิมที่มีผู้คิดเช่นนี้ถึง 56% ในปีที่แล้ว นับเป็นการลดฮวบครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 2000

ขณะเดียวกัน ผู้ตอบคำถาม 39% มองว่าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ตอนนี้ 'ย่ำแย่' เพิ่มขึ้นจากสถิติ 23% ในปี 2017

ในทางกลับกัน ผู้ทำแบบสอบถามในสหรัฐฯ กลับยังคิดว่าความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นนั้นดีอยู่ถึง 50% ไม่เปลี่ยนแปลงจากผลสำรวจครั้งก่อน ส่วนผู้ที่คิดว่า ‘ย่ำแย่’ มีเพียง 11% ลดลงเล็กน้อยจากสถิติ 12% ในปีที่แล้ว

คนญี่ปุ่น 30% ระบุว่าพวกเขายังเชื่อใจสหรัฐฯ อยู่ ลดลงจากสถิติ 39% ในปีที่แล้ว และถือว่าต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2000 ขณะที่ชาวอเมริกันยังเชื่อใจญี่ปุ่นสูงถึง 70%

กระแสนิยมสหรัฐฯ ที่ลดลงในหมู่ชาวญี่ปุ่นนั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ ทรัมป์ หันมาใช้นโยบายกีดกันการค้าจนสร้างความบาดหมางกับหลายประเทศ

ผลสำรวจพบว่า คนญี่ปุ่น 75% มองข้อเรียกร้องของ ทรัมป์ ที่ให้ญี่ปุ่นลดตัวเลขเกินดุลการค้าสหรัฐฯ ลงมานั้น “ไม่สมเหตุสมผล”

อย่างไรก็ดี ชาวเมืองปลาดิบมากถึง 64% ยังคงเชื่อว่า ความร่วมมือในด้านการทหารระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นช่วยส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ขณะที่ชาวอเมริกันเห็นด้วยในประเด็นนี้ถึง 70%
กำลังโหลดความคิดเห็น