xs
xsm
sm
md
lg

ตามคาด! วุฒิสภาสหรัฐฯ โหวตระงับช่วย ‘ริยาด’ ทำสงครามเยเมน-ประณามเจ้าชายซาอุฯ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย
เอเอฟพี – วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างญัตติระงับความช่วยเหลือทางทหารต่อซาอุดีอาระเบียในสงครามเยเมน รวมถึงประณามมกุฎราชกุมารซาอุฯ ว่าทรงมีส่วนต้องรับผิดชอบต่อการตายของคอลัมนิสต์คนดัง ‘จามาล คาช็อกกี’ เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.)

แม้ผลโหวตของวุฒิสภาอาจจะให้ผลแค่ในเชิงสัญลักษณ์ ทว่าการผนึกกำลังของ 2 พรรคการเมืองในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นคำเตือนแรงๆ ถึง ทรัมป์ ซึ่งยังไม่หยุดเข้าข้างริยาด ในขณะที่นานาชาติรุมประณามความสูญเสียจากสงครามเยเมนและรับไม่ได้กับคดีอุ้มฆ่านักข่าว

ญัตติระงับความช่วยเหลือซาอุฯ กรณีเยเมนได้รับคะแนนโหวตจาก ส.ว. เดโมแครตและพันธมิตรรวม 49 คน ขณะที่ ส.ว. รีพับลิกันโหวตสนับสนุน 7 คน และงดออกเสียง 3 คน

วุฒิสภายังได้ลงมติด้วยการออกเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์สนับสนุนญัตติประณามการสังหาร คาช็อกกี และระบุว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุฯ ทรงเป็นผู้ที่ต้อง ‘รับผิดชอบ’ ต่อเรื่องนี้

“สิ่งที่วุฒิสภาทำในวันนี้คือการประกาศว่าสภาคองเกรสกำลังป่วยและอ่อนแรงต่อการแสดงความรับผิดชอบตามรัฐธรรมนูญในเรื่องของสงคราม” เบอร์นี แซนเดอร์ส ส.ว.อิสระซึ่งร่วมมือกับเดโมแครตผลักดันญัตติระงับความช่วยเหลือทางทหารต่อซาอุฯ กล่าว “เราจะไม่ปล่อยให้ระบอบเผด็จการมือเปื้อนเลือดในซาอุฯ มาบงการจุดยืนทางทหารของสหรัฐฯ อีกต่อไป”

แม้ว่าญัตตินี้อาจจะถูกส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายและทำการโหวตหลังเข้าสู่เดือน ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่พรรคเดโมแครตเข้ากุมเสียงข้างมากแล้ว แต่ ทรัมป์ ยังคงมีสิทธิ์ที่จะใช้อำนาจ ‘วีโต’ ได้

กระแสความไม่พอใจยอดผู้เสียชีวิตในสงคราม รวมถึงคดีฆาตกรรม คาช็อกกี ซึ่งเกิดขึ้นภายในสถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูลเมื่อวันที่ 2 ต.ค. เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สภาคองเกรสเริ่มหันมาใช้จุดยืนแข็งกร้าวต่อบทบาทของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรซาอุฯ ขับไล่พวกกบฏฮูตีในเยเมน

ญัตติว่าด้วยเยเมนนั้น “กำหนดให้ประธานาธิบดีสั่งถอนกองกำลังสหรัฐฯ ออกจากสงครามในเยเมนหรือภารกิจที่ส่งผลกระทบต่อเยเมนภายใน 30 วัน ยกเว้นปฏิบัติการที่พุ่งเป้าไปยังเครือข่ายอัลกออิดะห์โดยตรง”

การผ่านร่างญัตติดังกล่าวมีขึ้นในวันเดียวกับที่ผู้แทนฝ่ายกบฏฮูตีและรัฐบาลประธานาธิบดี อาเบดรับบู มันซูร์ ฮาดี แห่งเยเมนบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่เมืองท่าโฮเดดา (Hodeida) ในการเจรจาสันติภาพที่สวีเดนซึ่งมีองค์การสหประชาชาติเป็นคนกลาง

ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาแถลงชื่นชมข้อตกลงดังกล่าว พร้อมระบุว่า “สันติภาพอาจเกิดขึ้นได้”

การสู้รบที่ยืดเยื้อมานานถึง 4 ปีได้คร่าชีวิตชาวเยเมนไปราว 10,000 คน ขณะที่ประชากรอีก 20 ล้านคนต้องเผชิญวิกฤตความอดอยากแร้นแค้น

สำหรับญัตติประณามเจ้าชายซาอุฯ นั้นถูกร่างขึ้นโดย ส.ว.บ็อบ คอร์เกอร์ ซึ่งเป็นคนในรีพับลิกันที่ออกมาวิจารณ์ ทรัมป์ อยู่บ่อยๆ

เนื้อหาของญัตติระบุว่า วุฒิสภา “เชื่อว่ามกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อคดีฆาตกรรม จามาล คาช็อกกี” รวมถึงเรียกร้องให้รัฐบาลซาอุฯ ปล่อยตัว ราอิฟ บาดาวี (Raif Badawi) บล็อกเกอร์หนุ่มที่ต้องคดีดูหมิ่นอิสลามและเป็นปรปักษ์กับริยาด ตลอดจน ซามาร์ บาดาวี (Samar Badawi) น้องสาวของเขาซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวสตรีที่ถูกทางการซาอุฯ จับกุมในปีนี้

ญัตตินี้ยังระบุด้วยว่า “ความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียนั้นสำคัญต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ” แต่ก็เรียกร้องให้ริยาดปรับเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศให้มีลักษณะที่เป็นกลางมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น