รอยเตอร์ - เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้รับชัยชนะในศึกลงมติไม่ไว้วางใจจากพรรคคอนเซอร์เวทีฟของเธออย่างหวุดหวิดในวันพุธ (12 ธ.ค.) หลังสัญญาจะลาออกก่อนศึกเลือกตั้ง 2022 แต่มี ส.ส.ภายในพรรคมากถึง 117 เสียงที่มองว่าเธอไม่ใช่ผู้นำที่เหมาะสมสำหรับดำเนินการถอนอังกฤษออกจากสภาพยุโรป (เบร็กซิต) อีกต่อไป
เบร็กซิตในวันที่ 29 มีนาคม ดำดิ่งเข้าสู่วิกฤตจากเสียงคัดค้านในรัฐสภาต่อข้อตกลงแยกต้วที่ เมย์ เห็นชอบกับอียูเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งมันกระพือความเป็นไปได้ต่างๆ นานา ในนั้นรวมถึงเบร็กซิตอาจล่าช้าหรือแม้กระทั่งอาจต้องจัดทำประชามติอีกครั้ง
เมื่อวันจันทร์ (10 ธ.ค.) เมย์ ตัดสินใจยกเลิกเปิดประชุมรัฐสภาสำหรับลงมติรับรองข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งออกแบบมาเพื่อคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับอียู หลังเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเธอจะประสบความพ่ายแพ้
พวกลังเลสงสัยในสหภาพยุโรป (eurosceptic) ภายในพรรคของเธอพากันวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงดังกล่าว และนำมาซึ่งการยื่นขอลงมติไม่ไว้วางใจความเป็นผู้นำของเธอในวันอังคาร (11 ธ.ค.) ไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก เมย์ กลับจากไปพบปะพูดคุยกับพวกผู้นำยุโรป ด้วยมีเป้าหมายขอคำรับประกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงถอนตัว
หลังการลงมตินาน 2 ชั่วโมง เกรแฮม เบรดี ประธานคณะกรรมาธิการ 1992 ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของพรรคอนุรักษนิยม ระบุว่ามี ส.ส.พรรคคอนเซอร์เวทีฟ 200 คนโหวตสนับสนุนเมย์ในฐานะผู้นำ และมี 117 เสียงที่โหวตต่อต้าน
เมย์ ซึ่งโหวตสนับสนุนอยู่ในอียูต่อไปในประชามติปี 2016 เตือนฝ่ายต่อต้านข้อตกลงแยกตัวของเธอที่ใช้เวลาเจรจานานกว่า 2 ปี ว่าหากพวกเขาโค่นล้มเธอ การเบร็กซิตอาจต้องล่าช้าออกไป หรือไม่ก็หยุดชะงักไปเลย
ไม่นานก่อนลงคะแนนโหวต เมย์พยายามหาทางให้ได้รับเสียงสนับสนุนจากเหล่า ส.ส. ด้วยสัญญาว่าจะลาออกก่อนศึกเลือกตั้ง 2022
เบร็กซิตคือการตัดสินใจทางเศรษฐกิจและการเมืองครั้งสำคัญที่สุดของสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยฝ่ายโปรยุโรปกลัวว่าการแยกตัวจะทำให้ตะวันตกอ่อนแอลง ในขณะที่พวกเขารับมือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่คาดเดายาก รวมถึงท่าทีก้าวร้าวขึ้นเรื่อยๆ จากรัสเซียและจีน