เอเจนซีส์ - อัยการแคนาดาคัดค้านคำร้องขอประกันตัว เมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) และบุตรสาวของผู้ก่อตั้งหัวเว่ย บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ระหว่างที่รอการส่งตัวไปสหรัฐฯ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนข้อหาละเมิดมาตรการแซงก์ชั่นที่วอชิงตันประกาศใช้กับอิหร่าน
เมิ่ง วัย 46 ปี ถูกจับกุมที่เมืองแวนคูเวอร์ ขณะแวะพักเพื่อเปลี่ยนเครื่องบินจากฮ่องกงไปยังเม็กซิโกเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ผู้นำสหรัฐฯ และจีนประกาศมาตรการหยุดยิงในสงครามการค้า
ผู้บริหารหญิงรายนี้ถูกนำตัวไปขึ้นศาลแคนาดาเมื่อวันศุกร์ (7) โดยหลังจากที่อัยการและทนายจำเลยได้เสนอข้อมูลโต้แย้งกันไปมานานเกือบ 6 ชั่วโมง ศาลได้ประกาศเลื่อนการพิจารณาคำร้องขอประกันตัวไปเป็นวันจันทร์ที่ 10 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ตามเวลาแปซิฟิก (18.00 GMT) ซึ่งระหว่างนี้ เมิ่ง จะยังคงถูกควบคุมตัวอยู่
จอห์น กิบบ์-คาร์สลีย์ อัยการแคนาดา เรียกร้องให้ศาลปฏิเสธคำขอประกันตัว โดยอ้างว่า เมิ่ง นั้นตกเป็นผู้ต้องหา “สมคบคิดฉ้อโกงสถาบันการเงินหลายแห่ง” ซึ่งหากผิดจริงก็อาจมีโทษจำคุกนานกว่า 30 ปี
เมิ่ง ถูกกล่าวหาว่าแจ้งข้อมูลเท็จต่อธนาคาร HSBC เพื่อปกปิดความเชื่อมโยงระหว่าง หัวเว่ย กับบริษัท สกายคอม เทค ในฮ่องกง ซึ่งลักลอบจำหน่ายอุปกรณ์ไฮเทคที่ผลิตในอเมริกาให้แก่อิหร่าน และทำให้ธนาคารเสี่ยงมีความผิดฐานละเมิดกฎหมายคว่ำบาตรไปด้วย โดยมีรายงานว่า สกายคอม ได้ฝ่าฝืนมาตรการแซงก์ชั่นของสหรัฐฯ ระหว่างปี 2009-2014 ส่วนการให้ข้อมูลเท็จของ เมิ่ง นั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2013
เดวิด มาร์ติน ทนายของเมิ่ง ระบุว่า เธอเคยเป็นบอร์ดบริหารสกายคอมเมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้ว ก่อนที่บริษัทดังกล่าวจะถูกขายไป
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ เชื่อว่าหัวเว่ยยังควบคุมบริษัทแห่งนี้อยู่ในทางพฤตินัย ขณะที่ กิบบ์-คาร์สลีย์ เปิดเผยว่าลูกจ้างสกายคอมยังคงถือบัตรพนักงานหัวเว่ย และใช้อีเมลของหัวเว่ยด้วย
อัยการแคนาดาชี้ว่า เมิ่ง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาหลังทราบว่าหัวเว่ยกำลังถูกตรวจสอบ และเห็นสมควรคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากมีความเสี่ยงหลบหนี
หัวเว่ย มีถ้อยแถลงวานนี้ (7) ว่า บริษัทจะเฝ้าติดตามการพิจารณาคำร้องขอประกันตัวซีเอฟโอในสัปดาห์หน้า และ “เชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรมของแคนาดาและสหรัฐฯ คงจะได้ข้อสรุปที่ถูกต้อง”
ปักกิ่งเรียกร้องให้แคนาดาคืนอิสรภาพแก่ เมิ่ง ในทันที โดยระบุว่า เมิ่ง ซึ่งเป็นบุตรสาวของ เริ่น เจิ้งเฟย (Ren Zhengfei) ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยและอดีตวิศวกรของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ไม่เคยกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายทั้งในสหรัฐฯ และแคนาดา
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ (7) ว่า การเจรจาเพื่อคลี่คลายข้อพิพาทการค้ากับจีนยังคง “ดำเนินไปด้วยดี” แม้จะมีข่าวการจับกุมผู้บริหารหัวเว่ยแทรกกลางขึ้นมาก็ตาม
การไต่สวนโดยศาลสูงบริติชโคลัมเบียที่แวนคูเวอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือน
เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งให้ข้อมูลกับซีเอ็นเอ็นว่า การจับกุมผู้บริหารหัวเว่ยอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองเรื่องการค้ากับจีน ขณะที่ ปีเตอร์ นาร์วาโร ที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ของทำเนียบขาวยังคงปฏิเสธความเชื่อมโยงนี้
สื่อรัฐบาลจีนโจมตีการจับกุม เมิ่ง ว่าเป็นแผนของสหรัฐฯ ที่จะบ่อนทำลายอุตสาหกรรมไฮเทคในแดนมังกร
หนังสือพิมพ์โกลบัลไทม์ชี้ว่า “รัฐบาลจีนควรพิจารณาอย่างจริงจังว่าสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะละเมิดกระบวนการทางกฎหมายเพื่อกีดกันบริษัทไฮเทคของจีนหรือไม่”
“เห็นได้ชัดว่าวอชิงตันกำลังเล่นไม่ซื่อ หลังจากไม่สามารถขัดขวางหัวเว่ยในการขยายบริการเครือข่าย 5G เข้าสู่ตลาด”
ในกรณีที่ศาลให้ประกันตัว เมิ่ง ยินยอมที่จะถูกยึดหนังสือเดินทาง และติดเครื่องควบคุมตัวอิเล็กทรอนิกส์จนกว่าจะพ้นข้อกล่าวหาหรือถูกส่งตัวไปดำเนินคดีต่อในสหรัฐอเมริกา โดยค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยทั้งหมดเธอจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง