เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชี้เมื่อวันเสาร์ (17 พ.ย.) การประเมินของซีไอเอที่กล่าวหามกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียอยู่เบื้องหลังการสังหารคอลัมนิสต์ชื่อดัง จามาล คาช็อกกี “ยังเร็วเกินไปมาก” แต่ “มีความเป็นไปได้” พร้อมเผยว่าจะได้รับรายงานฉบับสมบูรณ์วันอังคาร(20) ขณะที่วุฒิสมาชิกจี้ทรัมป์จัดการรัชทายาทริยาด
ทรัมป์กล่าวระหว่างเดินทางไปดูสถานการณ์ไฟไหม้ป่าที่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันเสาร์ว่า การสังหารคาช็อกกีไม่ควรเกิดขึ้น และว่า รายงานฉบับสมบูรณ์จะอธิบายว่า ใครคือคนที่รัฐบาลสหรัฐฯ เชื่อว่า ฆ่าคอลัมนิสต์ชาวซาอุดีฯ ผู้นี้และผลกระทบโดยรวมจากการตายของคาช็อกกี อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้ระบุว่า รายงานดังกล่าวมาจากหน่วยงานใด
ประมุขทำเนียบขาวเสริมว่า การสืบค้นของหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ที่ระบุว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีฯ อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมคาช็อกกีนั้นมีความเป็นไปได้
ทรัมป์แสดงความคิดเห็นนี้ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ ฮีทเทอร์ เนาเอิร์ต โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รายงานข่าวที่เผยแพร่กันก่อนหน้านี้ ซึ่งระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปแล้วนั้นไม่เป็นความจริง แต่ยังมีคำถามหลายข้อเกี่ยวกับการฆาตกรรมคาช็อกกีที่ยังไม่มีคำตอบ
เนาเอิร์ตเสริมว่า ทางกระทรวงจะเดินหน้าค้นหาความจริงร่วมกับประเทศอื่นๆ ต่อไปเพื่อนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสังหารคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ผู้นี้มาลงโทษ พร้อมกับการรักษาความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างอเมริกากับซาอุดีฯเอาไว้
ทางด้านซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ทรัมป์หารือเรื่องรายงานการประเมินของซีไอเอทางโทรศัพท์กับจีนา แฮสเปล ผู้อำนวยการซีไอเอ และไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ระหว่างบินไปแคลิฟอร์เนียเมื่อวันเสาร์
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (16) ว่า ซีไอเอบรรยายสรุปการประเมินของตนเองต่อหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงรัฐสภา โดยการประเมินนี้อิงกับพยานแวดล้อมเกี่ยวกับบทบาทหลักของมกุฎราชกุมารซาอุดีฯ ในการบริหารรัฐบาลซาอุดีฯ อย่างไรก็ดี ความเห็นเช่นนี้ของซีไอเออาจจะส่งผลบ่อนทำลายความพยายามของทรัมป์ในการรักษาความสัมพันธ์กับริยาดที่เป็นพันธมิตรสำคัญของวอชิงตัน
การสืบค้นของซีไอเอ ถือเป็นการประเมินของสหรัฐฯที่ชัดเจนที่สุดจนถึงขณะนี้ ซึ่งมีการเชื่อมโยงเจ้าชายโมฮัมเหม็ด ผู้ปกครองซาอุดีฯ โดยพฤตินัย กับการสังหารคาช็อกกีโดยตรง และขัดแย้งกับการกล่าวอ้างของริยาดว่า เจ้าชายองค์นี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้
ด้านหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ซีไอเอพบว่า สายลับซาอุดีฯ 15 คนบินไปนครอิสตันบูลด้วยเครื่องบินของรัฐบาลริยาด และสังหารคาช็อกกีในสถานกงสุลซาอุดีฯประจำอิสตันบูล
คาช็อกกี คอลัมนิสต์ที่ชอบวิจารณ์เจ้าชายมกุฎราชกุมาร ถูกฆาตกรรมในเดือนตุลาคม ระหว่างเดินทางไปขอรับเอกสารสำหรับการแต่งงานตามที่แจ้งเอาไว้ล่วงหน้า ณ สถานกงสุลซาอุดีฯ ในเมืองอิสตันบุลของตุรกี
ในวันเสาร์ ขณะที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯจำนวนหนึ่งกำลังผลักดันให้ผ่านร่างกฎหมายเพื่อลงโทษซาอุดีฯ วุฒิสมาชิกทั้งจากรีพับลิกันและเดเมโครต อาทิ บ็อบ คอร์เกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสามัญวุฒิสภา ก็เรียกร้องให้ทรัมป์จัดการขั้นเด็ดขาดกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด เนื่องจากหลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ว่า เป็นผู้บงการสังหารคาช็อกกี ก่อนที่มกุฎราชกุมารซาอุดีฯ จะสั่งสังหารผู้ที่เห็นได้ชัดว่า ปฏิบัติตามคำสั่งของตนเอง
ริชาร์ด บลูเมนทัล วุฒิสมาชิกเดโมแครตสำทับว่า กษัตริย์ซาอุดีฯ ควรปลดเจ้าชายโมฮัมเหม็ดและบุคคลอื่นๆ ตลอดจนยุติการปิดบังที่ทรัมป์ยินยอมให้เกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้ ทั้งผู้นำสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่อาวุโสหลายคนของคณะบริหาร ระบุว่า ริยาดต้องลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการตายของคาช็อกกี ซึ่งรวมถึงชาวซาอุดีฯ 17 คนที่พันพันอยู่ในคดีนี้ แต่พวกเขาก็ย้ำความสำคัญของความสัมพันธ์ของวอชิงตันกับริยาด ซึ่งเป็นลูกค้าใหญ่สุดของอุตสาหกรรมกลาโหมอเมริกัน และทรัมป์ต้องการปกป้องข้อตกลงขายอาวุธให้ซาอุดีฯ แม้ถูกสภาต่อต้านมากขึ้นทุกทีก็ตาม
ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว (15) ชาลัน อัล-ชาลัน อัยการซาอุดีฯ ระบุว่า ต้องการลงโทษประหารผู้ต้องสงสัย 5 คนในคดีนี้ และยืนยันว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ดไม่มีส่วนรู้เห็นปฏิบัติการนี้ ซึ่งมีการหั่นศพของคาช็อกกีเป็นชิ้นๆ และนำออกจากสถานกงสุล
อัล-ชาลันสำทับว่า ทีมงานที่ประกอบด้วยชาวซาอุดีฯ 15 คนถูกส่งไปเผชิญหน้ากับคาช็อกกีเพื่อบังคับให้เดินทางกลับซาอุดีฯ และรัดคอคอลัมนิสต์ผู้นี้จนเสียชีวิตโดยไม่ตั้งใจ
