เอเอฟพี - ญี่ปุ่นและสหรัฐจะเจรจาข้อตกลงการค้าสองฝ่ายที่จะเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ กล่าวในวันนี้ (13 พ.ย.) ที่กรุงโตเกียว
ในการกล่าวหลังคุยกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น เขาเน้นย้ำจุดยืนของวอชิงตันที่ว่า หลายธุรกิจของสหรัฐฯเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่เป็นธรรมในแดนอาทิตย์อุทัย
“สหรัฐฯ มีความเสียเปรียบดุลการค้ากับญี่ปุ่นมานานเกินไปแล้ว สินค้าและบริการของอเมริกาเผชิญกับขวากหนามสู่การประสบความสำเร็จอย่างเท่าเทียมในตลาดญี่ปุ่นมากเกินไป” เขากล่าว โดยยืนอยู่ข้างๆ อาเบะ
“โอกาสที่ดีที่สุดสำหนับการค้าที่เสรี เท่าเทียม และต่างตอบแทนกันจะเกิดขึ้นในข้อตกลงการค้าสองฝ่าย”
เมื่อเดือนกันยายน อาเบะและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯเห็นพ้องที่จะเจรจาข้อตกลงการค้า ผ่อนคลายความกังวลที่ว่า ญี่ปุ่นอาจเป็นเป้าหมายต่อไปในการโจมตีทางภาษีของทำเนียบขาว
“เมื่อเสร็จสมบูรณ์ เรามั่นใจว่าข้อตกลงนี้จะสร้างเงื่อนไขเกี่ยวกับสินค้าและบริการต่างๆ ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นต้นแบบสำหรับภูมิภาคอินเดียแปซิฟิก” เพนซ์ กล่าว
สหรัฐฯและญี่ปุ่น ประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับหนึ่งและสามของโลก มีสัดส่วนคิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมทั่วโลก และมีความสัมพันธ์ทางการค้าอันยาวนานที่ทั้งมีปัญหาและเชื่อมโยงถึงกัน
ภายใต้อดีตประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ ทั้งสองประเทศเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงขนาดใหญ่ฉบับหนึ่งที่มีชื่อว่า ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership หรือทีพีพี) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อต้านทานอิทธิพลของจีนที่มากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ถอนตัวออกจากข้อตกลงการค้าพหุภาคีไม่นานหลังเข้ารับตำแหน่ง และกล่าวว่าต้องการข้อตกลงสองฝ่ายที่เจรจากันบนเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์กับวอชิงตันมากกว่านี้
อาเบะหวังว่าจะได้เห็นวอชิงตันกลับสู่ทีพีพี แต่เห็นพ้องกับการเจรจานี้ที่คาดว่าจะเริ่มขึ้นในเดือนมกราคม ในขณะที่ทรัมป์กำลังไล่กดดันหุ้นส่วนทางการค้ารายอื่นๆ
เพนซ์เดินทางแวะโตเกียวก่อนเข้าร่วมการประชุมซัมมิทระดับภูมิภาคต่างๆ รวมถึงการประชุมอาเซียนในสิงคโปร์และการประชุมเอเปกในปาปัวนิวกินี
การตัดสินใจงดเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวของทรัมป์ทำให้หลายประเทศเกิดความแปลกใจ และก่อให้เกิดข้อกังขาในพันธะที่วอชิงตันมีต่อภูมิภาคนี้ ซึ่งจีนกำลังมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ