xs
xsm
sm
md
lg

วิตก'ทรัมป์'ยุ่งคุมเกมสอบคดี'รัสเซีย'ปลด'เชสซั่นส์'ตั้งลิ่วล้อมคุม'ยุติธรรม'แทน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เจฟฟ์ เซสชั่นส์ เดินทางกลับบ้านพักของเขาในกรุงวอชิงตันเมื่อวันพุธ (7 พ.ย.) วันเดียวกับที่เขายื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ โดยระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นไปตามคำขอร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เอเอฟพี - 'ทรัมป์'ปลด 'เชสซั่นส์' จากตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมแล้ว หลังเสร็จศึกเลือกตั้งกลางเทอมแค่วันเดียว และแต่งตั้งลิ่วล้อที่จงรักภักดีคุมกระทรวงนี้แทน ทำให้หลายฝ่ายแม้แต่สมาชิกรีพับลิกันด้วยกันคาใจว่า การสอบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง จะเป็นอย่างไรต่อไป

ในทวิตที่ประกาศข่าวการลาออกของเจฟฟ์ เชสซั่นส์ จากตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม เมื่อวันพุธ (7 พ.ย.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขอบคุณสำหรับการทำงานของอดีตวุฒิสมาชิกจากมลรัฐแอละแบมาผู้นี้ พร้อมแต่งตั้งแมทธิว วิตเทเกอร์ หัวหน้าคณะทำงานของเชสซั่นส์ เข้ารักษาการแทน

ที่น่าจับตาคือ วิตเทเกอร์เป็นคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทีมงานของโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษากฎหมายพิเศษ หรือก็คืออัยการพิเศษของกระทรวงยุติธรรม ที่ขยายขอบเขตการสอบสวนจากเฉพาะประเด็นว่า ทีมหาเสียงของทรัมป์สมรู้กับรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 หรือไม่ ให้ครอบคลุมถึงความสัมพันธ์อื่นๆ ระหว่างทรัมป์, สมาชิกในครอบครัว, ตลอดจนพวกผู้ช่วยของเขา กับรัสเซีย ซึ่งเจ้าตัวโจมตีว่า เป็นการล่าแม่มด

เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว วิตเทเกอร์เขียนบทความเรียกร้องให้ร็อด โรเซนสไตน์ รัฐมนตรีช่วยยุติธรรมที่กำกับดูแลการสอบสวนดังกล่าว จำกัดขอบเขตการสอบสวนตามที่กำหนดไว้ตอนที่แต่งตั้งมุลเลอร์

เมื่อเป็นผู้รักษาการรัฐมนตรียุติธรรมแล้วเช่นนี้ วิตเทเกอร์สามารถโอนอำนาจการกำกับดูแลการสอบสวนจากโรเซนสไตน์ มาควบคุมเอง

ทางด้าน ส.ว. ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยของเดโมแครตในสภาสูง เรียกร้องทันทีให้วิตเทเกอร์ตัดตัวเองออกจากการสอบสวนแบบเดียวกับเชสซั่นส์ทำ

ขณะที่ วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ อดีตผู้สมัครเป็นตัวแทนเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อสองปีที่แล้ว ทวิตเตือนว่า ความพยายามใดๆ ของประธานาธิบดีและรัฐมนตรียุติธรรมในการแทรกแซงการสอบสวนของมุลเลอร์ อาจเข้าข่ายขัดขวางกระบวนการยุติธรรมและนำไปสู่การถอดถอนจากตำแหน่ง

มิตต์ รอมนีย์ อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของรีพับลิกันและเป็นขาประจำที่วิจารณ์ทรัมป์ ซึ่งเพิ่งชนะการเลือกตั้งเข้าสู่สภาสูงในการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อวันอังคาร (6) เห็นด้วยว่า งานสำคัญของกระทรวงยุติธรรมต้องดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับการสอบสวนของมุลเลอร์ที่ต้องเดินหน้าต่อจนจบโดยไม่ถูกขัดขวาง

ด้านวิตเทเกอร์แถลงยกย่องเชสซั่นส์ว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ทุ่มเท และบอกว่า ตนเองจะทำหน้าที่เพื่อรักษามาตรฐานจริยธรรมสูงสุดของกระทรวงยุติธรรม แต่ไม่ได้กล่าวถึงการสอบสวนของมุลเลอร์แต่อย่างใด

เชสซั่นส์เป็นคนแรกที่ถูกปลดออกจากคณะรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งรีพับลิกันเสียอำนาจการควบคุมสภาผู้แทนราษฎรให้เดโมแครต แต่มีเสียงข้างมากสุทธิเพิ่มขึ้นในวุฒิสภา
เจฟฟ์ เซสชั่นส์ เดินทางกลับบ้านพักของเขาในกรุงวอชิงตันเมื่อวันพุธ (7 พ.ย.) วันเดียวกับที่เขายื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ โดยระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นไปตามคำขอร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้เป็นที่โจษขานกันมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว หลังจากที่เชสซั่นส์ถูกทรัมป์วิจารณ์รุนแรงหลายครั้งทั้งเรื่องที่เขากันตัวเองออกมาไม่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนของมุลเลอร์ และการตอบสนองอย่างเชื่องช้าในเรื่องที่ทรัมป์ต้องการห้ามผู้เดินทางชาวมุสลิมเข้าสหรัฐฯ

ในจดหมายลาออกความยาว 1 หน้าที่ส่งถึงทรัมป์เมื่อวันพุธ (7) เชสซั่นส์ระบุว่า ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมตามคำขอของประธานาธิบดี

ข้อความดังกล่าวนอกจากสะท้อนความไม่สมัครใจลาออกของเชสซั่นส์แล้ว ยังบ่งชี้ความพยายามของทรัมป์ในการคุมเกมการสอบสวนของมุลเลอร์ เนื่องจากในทางเทคนิคแล้ว หากเชสซั่นส์ลาออกเอง แทนที่จะเป็นถูกบีบให้ออกหรือปลดออก ก็ทำให้ประธานาธิบดีมีอำนาจตามกฎหมายในการเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทน ไม่ใช่การเลื่อนโรเซนสไตน์ขึ้นเป็นรัฐมนตรีโดยอัตโนมัติ

เชสซั่นส์เป็นวุฒิสมาชิกคนแรกที่ประกาศสนับสนุนทรัมป์ตอนที่เขาลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2016 และทั้งคู่เข้ากันได้ดีเนื่องจากมีความปรารถนาร่วมกันในการกวาดล้างผู้อพยพ

อย่างไรก็ตาม เดือนมีนาคมปีที่แล้ว ทรัมป์หัวเสียรุนแรงเมื่อเชสซั่นส์ประกาศตัดตัวเองออกจากการสอบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง เนื่องจากเคยติดต่อกับมอสโกระหว่างหาเสียงปี 2016 และมอบหมายให้โรเซนเบิร์กรับผิดชอบแทน

ผลปรากฏว่า ไม่กี่สัปดาห์หลังจากทรัมป์ปลดเจมส์ โคมีย์ จากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เนื่องจากไม่พอใจเรื่องการสอบสวนรัสเซีย โรเซนสไตน์ทำให้คณะบริหารช็อกครั้งใหญ่ด้วยการแต่งตั้งมุลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ นำทีมการสอบสวนรัสเซียในฐานะอัยการอิสระ

จากโครงสร้างการบังคับบัญชาที่โรเซนสไตน์เป็นผู้กำกับดูแลมุลเลอร์โดยตรง ทำให้การแทรกแซงจากภายนอกไม่สามารถก้าวก่ายการสอบสวนนี้ได้

แต่ทรัมป์ยังคงกล่าวหาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า มุลเลอร์ทำการสอบสวนที่ผิดกฎหมายและถูกเดโมแครตครอบงำ รวมทั้งขู่ล้มการสอบสวน

ฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อมุลเลอร์ฟ้องร้องผู้ต้องหา 34 คนและบริษัท 3 แห่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงและโดยอ้อมกับคดีรัสเซีย ในจำนวนนี้ 8 คนยอมรับผิด และ 1 คนอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในศาล

ที่น่าสนใจคือ ผู้ช่วยระดับสูงหลายคนของทรัมป์ได้ตกลงร่วมมือกับอัยการ ได้แก่ ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ, พอล มานาฟอร์ต อดีตประธานทีมหาเสียง, ริชาร์ด เกตส์ อดีตรองประธานทีมหาเสียง และไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความที่ตามแก้ปัญหาส่วนตัวให้ทรัมป์

ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้คาดว่า มุลเลอร์จะเปิดเผยรายชื่อผู้ถูกฟ้องร้องชุดใหม่ ซึ่งอาจรวมถึงโรเจอร์ สโตน ที่ปรึกษาการหาเสียงของทรัมป์ในปี 2016 และโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายประธานาธิบดี

นอกจากนั้น ทีมงานของมุลเลอร์กับทำเนียบขาวยังขัดแย้งกันมาเป็นเดือนในเรื่องที่ว่า ทรัมป์จะไปให้มุลเลอร์ซักถามหรือไม่ ทั้งนี้ มุลเลอร์กำลังตรวจสอบว่า ทรัมป์ขัดขวางกระบวนการยุติธรรมจากกรณีการปลดโคมีย์หรือไม่

ทำเนียบขาวยังกำลังกังวลที่มุลเลอร์กำลังตรวจสอบกองทุนของบริษัททรัมป์ ออร์แกไนเซชัน และความเชื่อมโยงกับรัสเซีย


กำลังโหลดความคิดเห็น