เอเจนซีส์ – “ทรัมป์-โอบามา” ต่างฝ่ายต่างเดินสายช่วยลูกพรรคในช่วง 48 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเลือกตั้งกลางเทอมในวันอังคาร (6 พ.ย.) นี้ โดยต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ไปคนละขั้ว แต่มีประเด็นหนึ่งที่มองตรงกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งมีเดิมพันสูงและคู่คี่อย่างยิ่งนั้น จะเป็นตัวกำหนดรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนอเมริกันในช่วง 2 ปีข้างหน้า
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปราศรัยหาเสียงในเมืองเมกัน รัฐจอร์เจีย เมื่อวันอาทิตย์ (4) ว่า การเลือกตั้งในวันอังคาร (6) จะตัดสินว่า อเมริกาจะเดินหน้าต่อไปบนพื้นฐานของความมั่งคั่งที่คณะบริหารชุดนี้สร้างไว้หรือไม่ พร้อมเตือนว่า เดโมแครตอาจทำลายสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยต่อเศรษฐกิจและนำระบอบสังคมนิยมมาครอบงำประเทศ
ทรัมป์ลงพื้นที่ในจอร์เจียเพื่อช่วยไบรอัน เคมป์ ผู้กำกับดูแลการเลือกตั้งและกิจการอื่นๆ ของรัฐนี้ ชิงเก้าอี้ผู้ว่าการรัฐกับสเตซีย์ อับรัมส์ ผู้สมัครจากเดโมแครต
ทางด้านอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ปราศรัยประณามทรัมป์โดยไม่เอ่ยชื่อตรงๆ รวมไปถึงพรรครีพับลิกันด้วย ว่าผลักดันนโยบายที่สร้างความแตกแยกอีกทั้งโกหกประชาชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงพยายามทำลายกฎหมายประกันสุขภาพที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอเมริกันอย่างกว้างขวาง หรือที่รู้จักกันในฉายาว่า “โอบามาแคร์”
อดีตประมุขทำเนียบขาวจากพรรคเดโมแครตคนล่าสุดยังโจมตีว่า ในคณะบริหารของทรัมป์นั้น มีผู้ถูกฟ้องร้องกรณีพัวพันกับเรื่องรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ มากจนสามารถตั้งทีมฟุตบอลได้เลย
โอบามาสำทับระหว่างช่วยวุฒิสมาชิกโจ ดอนเนลลีของเดโมแครต หาเสียงในเมืองแกรี รัฐอินดีแอนาว่า เสียงของประชาชนจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศ
ทรัมป์และโอบามาเป็นบุคคลสำคัญของแต่ละพรรค และการไปปรากฏตัวในการหาเสียงมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนออกไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งคนจำนวนมากแม้กระทั่งตัวทรัมป์เอง บอกว่าเป็นการทำประชามติตัดสินผลงานช่วงสองปีแรกของทรัมป์
ระหว่างช่วง 48 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ทรัมป์โหมโจมตีปัญหาผู้อพยพและวัฒนธรรม รวมทั้งประโคมว่า คาราวานผู้อพยพชาวอเมริกากลางซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปที่พรมแดนเม็กซิโกเพื่อพยายามข้ามเข้าสู่สหรัฐฯในที่สุดนั้น เป็นพวกที่จะมา “รุกรานอเมริกา” และว่า เดโมแครตพยายามปลุกม็อบเสรีนิยมสร้างความวุ่นวายตามแนวชายแดนเพื่อหวังผลทางการเมือง
ขณะเดียวกัน รอนนา แม็กแดเนียล ประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติพรรครีพับลิกัน ให้สัมภาษณ์รายการ “ดีสวีก” ทางเครือข่ายโทรทัศน์เอบีซีว่า สื่อเลือกที่จะโฟกัสคำพูดเผ็ดร้อนเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย ทั้งที่ทรัมป์ยังเน้นย้ำความสำเร็จทางเศรษฐกิจและการจ้างงานภายใต้การบริหารประเทศของตนเองด้วย
ทว่า โอบามาที่ปราศรัยอยู่ที่อินดีแอนา ตอบโต้ทันทีว่า รีพับลิกันอ้างความดีความชอบจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งที่จริงเริ่มต้นในคณะบริหารของตน
อดีตประธานาธิบดีจากเดโมแครตผู้นี้ยังลงพื้นที่ในอิลลินอยส์ ซึ่งถือเป็นรัฐภูมิลำเนาของเขา จากการที่เขาทำงานอยู่ในรัฐแห่งนี้มายาวนาน รวมทั้งเคยเป็นวุฒิสมาชิกของอิลลินอยส์ โดยที่ในการเลือกตั้งวันอังคารนี้ นอกจากการเลือกตั้ง ส.ส. แล้ว อิลลินอยส์จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐด้วย
ผลโพลของสำนักต่างๆ ตลอดจนความเห็นนักพยากรณ์การเลือกตั้งหลายราย เชื่อว่า เดโมแครตจะสมใจได้เก้าอี้สุทธิอย่างน้อย 23 ที่นั่ง ซึ่งจำเป็นสำหรับการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง ขณะที่รีพับลิกันน่าจะครองเสียงข้างมากฉิวเฉียดในสภาสูงต่อไป
ในอดีตที่ผ่านมา พรรคของประธานาธิบดีในตำแหน่งมักเสียที่นั่งในรัฐสภาในการเลือกตั้งกลางเทอม เว้นแต่เศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่ง ทว่าแม้ขณะนี้เศรษฐกิจอเมริกาถือว่า ขยายตัวน่าพอใจ ผู้ออกเสียงจำนวนมากกลับรังเกียจนโยบายด้านอื่นๆ และการวางตัวตลอดจนวาทกรรมของทรัมป์
ผลสำรวจล่าสุดของวอชิงตันโพสต์-เอบีซีนิวส์ พบว่า ผู้ที่ไปลงทะเบียนจะใช้สิทธิ์ออกเสียง ชื่นชอบผู้สมัครชิงเก้าอี้ ส.ส. ซึ่งมาจากพรรคเดโมแครตมากกว่าจากรีพับลิกันอยู่ 50% ต่อ 43% แม้ว่าจะลดลงจากที่เดโมแครตเคยทิ้งห่าง 14% ในการสำรวจเดือนสิงหาคม
ขณะที่ผลสำรวจจากเอ็นบีซีและวอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า เดโมแครตมีคะแนนนำ 7% แต่ที่น่าเป็นห่วงมากสำหรับรีพับลิกันคือ ผู้หญิงผิวขาวที่มีการศึกษาซึ่งเป็นกลุ่มที่เชื่อกันว่า มีความสำคัญต่อผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ปลื้มเดโมแครตมากกว่ารีพับลิกัน 61% ต่อ 33%
ตัวแปรสำคัญอีกประการคือข่าวการกราดยิงโบสถ์ยิวในพิตส์เบิร์กที่มีคนตายถึง 11 คนเมื่อไม่กี่วันนี้ รวมถึงกรณีที่ผู้สนับสนุนทรัมป์ถูกจับกุมในข้อหาส่งระเบิดไปป์บอมป์ไปถึงพวกฝ่ายตรงข้ามกับทรัมป์ ซึ่งในจำนวนนี้ก็รวมถึงโอบามาด้วย