'ทรัมป์'ลุยหาเสียงชูแผนต้านคนเข้าเมือง เล็งยกเลิก'ให้สัญชาติ'เด็กเกิดในอเมริกา

เอเจนซีส์ – 'ทรัมป์'ชูนโยบายต่อต้านคนเข้าเมือง เป็นไม้เด็ดรณรงค์หาเสียงขณะเหลืออีก 1 อาทิตย์ก็จะถึงเลือกตั้งกลางเทอม คุยฟุ้งเล็งใช้อำนาจประธานาธิบดียกเลิกการให้สัญชาติเด็กที่เกิดในสหรัฐฯอัตโนมัติ หากพ่อแม่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกันหรือเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ถึงแม้ผู้นำรีพับลิกันด้วยกันเองแย้งว่าทำเช่นนั้นไม่ได้ ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น

ตามบทแก้ไขที่ 14 ของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯนั้น ระบุให้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติแก่เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ การยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ย่อมเท่ากับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากสมาชิก 2 ใน 3 ของรัฐสภา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกือบไกลเกินฝันในสถานการณ์ปัจจุบันที่คองเกรสแตกแยกกันร้าวลึก

ทว่าในการให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ข่าว “แอกซิออส” เมื่อวันอังคาร (30 ต.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความมั่นใจว่า เขาสามารถที่จะใช้อำนาจฝ่ายบริหารยกเลิกสิทธิ์ดังกล่าวได้ โดยประเด็นนี้เขาเคยพูดถึงครั้งแรกระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

เขายังบอกว่า ได้พูดคุยกับที่ปรึกษาทางกฎหมายแล้วและตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อแก้ไขกฎหมายนี้

ทางด้าน ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกรีพับลิกันคนสำคัญที่เป็นพันธมิตรของทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ว่า จะเสนอร่างกฎหมายที่สอดรับกับแนวทางของทรัมป์

ทั้งคู่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมากไปกว่านี้ เช่นเดียวกับทำเนียบขาวที่งดแสดงความคิดเห็น

อย่างไรก็ตาม พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกันเช่นเดียวกัน แย้งว่า ทรัมป์ไม่สามารถใช้อำนาจบริหารล้มล้างสิทธิ์ดังกล่าวได้ แต่ต้องใช้กระบวนการทางรัฐธรรมนูญที่คาดหมายได้ว่าจะยืดเยื้อยาวนานมาก

ขณะที่การเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐฯกำลังจะมาถึงในวันที่ 6 พ.ย. ทรัมป์ก็พยายามหยิบเอากระแสคาราวานผู้อพยพชาวอเมริกากลางหลายพันคนกำลังเดินเท้ามุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งเวลานี้จำนวนมากมาถึงเม็กซิโกแล้ว ขึ้นมาเป็นประเด็นหาเสียง โดยกล่าวหาว่า คนเหล่านั้นเป็นภัยคุกคามของประเทศ และพรรคเดโมแครตเป็นตัวการสร้างปัญหาเช่นนี้ขึ้นมาด้วยนโยบายในอดีตที่อ่อนปวกเปียก ทั้งนี้เมื่อวันจันทร์ (29) ทรัมป์เพิ่งสั่งการให้ส่งทหารในกองทัพสหรัฐฯจำนวนกว่า 5,200 คน ไปช่วยกองทหารพิทักษ์มาตุภูมิป้องกันไม่ให้ผู้อพยพบุกรุกข้ามพรมแดนเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ และถูกวิจารณ์ว่าเป็นการขยายเรื่องให้ใหญ่โตเกินกว่าเหตุด้วยจุดมุ่งหมายในการหาเสียง

การที่ทรัมป์ชนะได้เข้าสู่ทำเนียบขาวนั้นส่วนหนึ่งเพราะจุดยืนแข็งกร้าวในการต่อต้านการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และเวลานี้เขาก็กำลังเน้นย้ำนโยบายนี้เพื่อระดมเสียงจากผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งกลางเทอม ขณะที่อเมริกันชนกำลังแตกแยกกันอย่างรุนแรงท่ามกลางปัญหาเชื้อชาติและอัตลักษณ์แห่งชาติ

ผลโพลสำนักต่างๆ บ่งชี้ว่า ในการเลือกตั้งวันที่ 6 พ.ย. ซึ่งจะมีการเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งสภา และวุฒิสมาชิกราว 1 ใน 3 นั้น พรรคเดโมแครตมีโอกาสได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นสุทธิ 23 ที่นั่งเพื่อกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาล่าง ขณะที่ในสภาสูงนั้น หากเดโมแครตได้เสียงสุทธิเพิ่มขึ้น 2 เสียง ก็จะได้ครองเสียงข้างมากเช่นกัน ทว่านักวิเคราะห์ต่างมองว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่า เนื่องจากพื้นที่ซึ่งจัดการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกคราวนี้ จำนวนมากเป็นรัฐที่ประชากรมีแนวโน้มเป็นพวกอนุรักษนิยม

แนนซี เปโลซี ผู้นำเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวหาว่า ทรัมป์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปจากนโยบายประกันสุขภาพที่เดโมแครตระบุว่า เป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้

ขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหวที่ต้องการจำกัดสิทธิ์คนเข้าเมือง อาทิ ไมเคิล แอนตัน ยืนกรานว่า ผู้ลักลอบเข้าเมืองไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาลสหรัฐฯ ดังนั้น ลูกของคนเหล่านี้จึงไม่ควรได้สัญชาติอเมริกันแม้เกิดในสหรัฐฯ

ทว่า นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่า เรื่องเขตอำนาจศาลจะนำมาใช้ปฏิเสธการให้สัญชาติได้ ก็เฉพาะผู้ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ เช่น ลูกของนักการทูตต่างชาติ

อย่างน้อยนับจากปี 2005 พวกสมาชิกพรรครีพับลิกันในรัฐสภาก็เคยพยายามเสนอร่างกฎหมายเพื่อยุติการให้สัญชาติโดยอัตโนมัติแก่เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ หากพ่อแม่ลักลอบเข้าเมือง ทว่า ร่างกฎหมายเหล่านั้นไม่เคยผ่านความเห็นชอบออกมาบังคับใช้ ไม่ว่าในช่วงนั้นรีพับลิกันกุมเสียงข้างมากในสภาล่างหรือสภาสูงหรือไม่ก็ตาม