เอเจนซีส์ - “ปูติน”เตือนเมื่อวันพุธ (24 ต.ค.) การที่อเมริกาถอนตัวออกจากสนธิสัญญาอาวุธฉบับแล้วฉบับเล่า จะทำให้เกิดการแข่งขันอาวุธรอบใหม่ พร้อมกับบอกว่ารัสเซียจะตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ถ้าวอชิงตันติดตั้งระบบขีปนาวุธใหม่ในยุโรป โดยที่จะเล็งเป้ามุ่งโจมตีพวกประเทศซึ่งร่วมมือในเรื่องนี้กับอเมริกาด้วย ขณะเดียวกัน นาโตได้เริ่มการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่สงครามเย็นเป็นต้นมา โดยสมมติสถานการณ์การช่วยชาติพันธมิตรจากการรุกรานของศัตรู ซึ่งโดยนัยหมายถึงรัสเซีย รวมถึงเพื่อแสดงความเป็นเอกภาพท่ามกลางความคลางแคลงในความมุ่งมั่นของทรัมป์
หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จุดชนวนความกังวลของทั่วโลกด้วยการประกาศเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะฉีกสนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง (ไอเอ็นเอฟ) ทางด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวเตือนในวันพุธ (24) ภายหลังต้อนรับจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ว่า การถอนตัวจากไอเอ็นเอฟ และความล้มเหลวในการยืดเวลาบังคับใช้ข้อตกลงควบคุมอาวุธยุทธศาสตร์ฉบับสำคัญ “นิวสตาร์ท” ซึ่งจะหมดอายุลงในต้นปี 2021 จะกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันสะสมอาวุธครั้งใหม่ และทำให้ยุโรปตกอยู่ในอันตราย
ประมุขวังเครมลินสำทับระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนติของอิตาลีว่า การยกเลิกระบบควบคุมอาวุธระดับโลก “อันตรายมาก” และรัสเซียกังวลกับข้อเท็จจริงที่ว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2002 อเมริกาก็ได้ละทิ้งสนธิสัญญาห้ามระบบต่อต้านขีปนาวุธ (เอบีเอ็ม) ไปแล้ว มาตอนนี้มีแผนล้มเลิกไอเอ็นเอฟ มิหนำซ้ำอนาคตของนิวสตาร์ทก็ยังไร้ความแน่นอน
ผู้นำรัสเซียเสริมว่า ถ้าวอชิงตันติดตั้งขีปนาวุธเพิ่มในยุโรป มอสโกก็จะทำแบบเดียวกันอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และยังบอกอีกว่า ประเทศในยุโรปที่ตกลงให้อเมริกาเข้าไปติดตั้งขีปนาวุธนั้น เสี่ยงที่จะถูกรัสเซียโจมตี
ปูตินกล่าวหาอเมริกาละเมิดไอเอ็นเอฟ ขณะที่ทรัมป์กล่าวหารัสเซียว่า ละเมิดสนธิสัญญานี้เช่นเดียวกัน ทั้งยังบอกว่า อเมริกาพร้อมสะสมอาวุธในคลังแสงนิวเคลียร์ของตนเพิ่มขึ้นอีก กระนั้น ประธานาธิบดีแดนหมีขาวกล่าวว่า ต้องการหารือเรื่องนี้กับทรัมป์ระหว่างทั้งคู่ไปเข้าร่วมพิธีรำลึกการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในกรุงปารีสวันที่ 11 เดือนหน้า
ในวันพุธ (24) เช่นกัน องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เริ่มการซ้อมรบขนาดใหญ่ที่สุดนับจากสงครามเย็น ในชื่อรหัสว่า ไทรเดนต์ จังเชอร์ 18 ในประเทศนอร์เวย์ที่มีพรมแดนร่วมกับรัสเซียระยะทางถึง 198 กิโลเมตร ภายใต้เป้าหมายในการฝึกกองทัพของพันธมิตรให้เข้าปกป้องชาติสมาชิกจากการรุกราน ซึ่งไม่ได้พาดพิงถึงประเทศใดโดยตรง แต่เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า หมายถึงรัสเซีย
ปฏิบัติการครั้งนี้มีทหารเข้าร่วม 50,000 คน, ยานยนต์ 10,000 คัน, เรือ 65 ลำ และอากาศยาน 250 ลำจาก 31 ประเทศ
กองทัพอเมริกาส่งทหารเข้าร่วมมากที่สุดคือกว่า 14,000 คน รวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ แม้ขณะนี้บรรดาพันธมิตรนาโตต่างกำลังกังวลใจว่าทรัมป์จะมุ่งมั่นผูกพันกับพันธกรณีของนาโตมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรา 5 ของสนธิสัญญานาโต ซึ่งกำหนดให้บรรดาชาติพันธมิตรมีพันธะในการป้องกันร่วมกัน
เนนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าวว่า ไทรเดนต์ จังเชอร์คือการส่งข้อความชัดเจนถึงชาติสมาชิกและประเทศที่มีแนวโน้มเป็นปรปักษ์ว่า นาโตไม่ต้องการเผชิญหน้าแต่ก็พร้อมปกป้องพันธมิตรจากภัยคุกคามใดๆ
นอกจากสมาชิก 29 ชาติของนาโตแล้ว สวีเดนและฟินแลนด์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของนอร์เวย์ ยังได้รับเชิญร่วมซ้อมรบครั้งนี้ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 7 พฤศจิกายน รวมทั้งเชิญผู้สังเกตการณ์จากรัสเซียและเบลารุสประเทศละ 2 คนร่วมชมการซ้อมรบ
กระนั้น กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังคงไม่พอใจ โดยออกคำแถลงเตือนว่า มอสโกอาจถูกบีบให้ตอบโต้การเพิ่มกิจกรรมทางทหารของนาโตใกล้ชายแดนด้านตะวันตกของตน
ขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงออสโล แถลงว่า การซ้อมรบดังกล่าวเป็นการฝึกซ้อมเพื่อต่อต้านรัสเซีย
สโตลเทนเบิร์กยังกล่าวว่า นาโตเชื่อว่า รัสเซียละเมิดไอเอ็นเอฟ อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่า การที่อเมริกาถอนตัวจากสนธิสัญญาดังกล่าวจะไม่ทำให้พันธมิตรลุกขึ้นมาติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในยุโรปเพื่อตอบโต้ขีปนาวุธใหม่ที่รัสเซียขู่ติดตั้งเพิ่ม
วอชิงตันยืนยันว่า 9เอ็ม729 ซึ่งเป็นระบบขีปนาวุธใหม่ของรัสเซียละเมิดไอเอ็นเอฟ ซึ่งสองประเทศลงนามร่วมกันในปี 1987 เพื่อห้ามการติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีและขีปนาวุธร่อนชนิดยิงจากภาคพื้นดินที่มีพิสัยทำการ 500-5,000 กิโลเมตร
สโตลเทนเบิร์กทิ้งท้ายว่า เขากังวลกับอาวุธใหม่ดังกล่าวของรัสเซีย แต่ไม่คิดว่าจะเกิดวิกฤตขีปนาวุธยุโรปซ้ำรอยทศวรรษ 1980 ซึ่งตอนนั้นอเมริกาติดตั้งระบบขีปนาวุธในยุโรปเพื่อต้านทานการคุกคามจากขีปนาวุธพิสัยกลางเอสเอส-20 ซึ่งติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ของรัสเซีย
