xs
xsm
sm
md
lg

รัสเซียขู่ตอบโต้เพื่อ ‘สมดุลทางทหาร’ หากสหรัฐฯ ถอนตัวจากสนธิสัญญานิวเคลียร์พิสัยกลาง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รอยเตอร์ - รัสเซียออกมาเตือนวานนี้ (22 ต.ค.) ว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้บางอย่างเพื่อรักษา ‘สมดุลทางทหาร’ กับสหรัฐฯ หากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากสนธิสัญญานิวเคลียร์และเริ่มพัฒนาขีปนาวุธรุ่นใหม่ๆ

อย่างไรก็ตาม มอสโกยังคงส่งสัญญาณรอมชอม โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งได้บอกกับ จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของ ทรัมป์ ว่า รัสเซียยินดีจะแก้ไขสิ่งที่สหรัฐฯ กังวลเกี่ยวกับการบังคับใช้สนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Range Nuclear Forces Treaty - INF) ปี 1987

ระหว่างแถลงข่าวที่วอชิงตันเมื่อวานนี้ (22) ทรัมป์ ได้เอ่ยย้ำถึงข้อกังวลต่างๆ พร้อมยืนยันความตั้งใจที่จะนำพาอเมริกาให้หลุดพ้นจากข้อผูกมัดของ INF และเพิ่มพูนคลังแสงนิวเคลียร์

“รัสเซียไม่เคารพข้อตกลง... ดังนั้นเราจึงจะเพิ่ม (อาวุธนิวเคลียร์) ให้มากขึ้นไปอีก จนกว่าทุกฝ่ายจะตระหนักได้ว่า สหรัฐฯ นั้นมีเงินมากกว่าใครๆ” ทรัมป์ บอกกับสื่อที่ทำเนียบขาว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านี่คือการข่มขู่ประธานาธิยดี วลาดิมีร์ ปูติน ใช่หรือไม่ ทรัมป์ ก็ตอบว่า “ขู่ทุกคนที่คุณต้องการ จีนด้วย รัสเซียด้วย และใครก็ตามที่อยากจะเล่นเกมกับเรา พวกคุณทำอย่างนั้นไม่ได้ พวกคุณจะมาเล่นเกมกับผมไม่ได้”

ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า จีนควรจะเข้าร่วมเป็นภาคี INF ด้วยเช่นกัน

รัสเซียขู่จะใช้มาตรการตอบโต้ทั้ง ‘ทางทหารและเทคนิค’ หลังจากสหรัฐฯ ประกาศในวันเสาร์ (20) ว่าจะถอนตัวออกจากสนธิสัญญายุคสงครามเย็นที่ห้ามการใช้ขีปนาวุธนิวเคลียร์ชนิดยิงจากพื้นดิน (land-based nuclear missiles) ในภูมิภาคยุโรป

สนธิสัญญาฉบับนี้ได้รับการลงนามในปี 1987 โดยประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดี มิกาอิล กอร์บาชอฟ ของสหภาพโซเวียต โดยกำหนดให้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องเคลื่อนย้ายขีปนาวุธนิวเคลียร์ชนิดยิงจากพื้นดินพิสัยใกล้และกลาง รวมถึงขีปนาวุธดั้งเดิมทั้งหมดที่มีอยู่ในยุโรป

การล่มสลายของข้อตกลงฉบับนี้อาจนำไปสู่การแข่งขันด้านอาวุธ และ กอร์บาชอฟ ซึ่งอายุ 87 ปีแล้วในขณะนี้ก็ออกมาเตือนว่า การทำลายสนธิสัญญา INF จะก่อให้เกิด ‘หายนะ’ ตามมา

ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ยอมรับว่าประกาศถอนตัวของ ทรัมป์ กำลังสร้างความกังวลต่อรัสเซีย “มาตรการเช่นนั้นจะทำให้โลกเราอันตรายขึ้น” เขาบอกกับผู้สื่อข่าว

แม้มอสโกจะปฏิเสธ แต่สหรัฐฯ เชื่อว่าพวกเขากำลังพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ และยังฝ่าฝืนข้อห้ามของ INF ด้วยการติดตั้งขีปนาวุธภาคพื้นดินที่สามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปถล่มยุโรปได้ในชั่วไม่กี่อึดใจ
เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย จับมือทักทายกับ จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ก่อนจะมีการหารือที่กรุงมอสโก เมื่อวันที่ 22 ต.ค.
ทรัมป์ ยืนยันว่าสหรัฐฯ จะเดินหน้าพัฒนาอาวุธให้มีศักยภาพเท่าเทียมกัน หากรัสเซียและจีนยังไม่ยอมหยุด

โฆษกเครมลินระบุว่า ปูติน เคยย้ำเตือนหลายครั้งว่า การทำลายสนธิสัญญา INF เท่ากับบีบให้มอสโกต้องใช้มาตรการตอบโต้ทางทหาร

“การยกเลิกข้อกำหนดใน INF จะทำให้รัสเซียต้องใช้มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องความมั่นคงของตนเอง” เปสคอฟ กล่าว

“การยกเลิก INF หมายความว่าอย่างไร? ก็หมายความว่าสหรัฐฯ กำลังจะเริ่มพัฒนาระบบอาวุธเหล่านี้อย่างโจ่งแจ้งไม่ปิดบังอีกต่อไป และหากระบบอาวุธเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้น ประเทศอื่นๆ ซึ่งในกรณีนี้คือรัสเซีย ก็จำเป็นที่จะต้องตอบโต้เพื่อรักษาสมดุล”

โบลตัน ซึ่งเดินทางเยือนมอสโกเพื่อหารือกับ นิโคไล พาทรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย และ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ออกมาปฏิเสธเรื่องที่รัฐบาลหมีขาวกล่าวหาอเมริกาว่าขู่ถอนตัวจาก INF เพื่อ ‘แบล็คเมล์’ รัสเซีย

สำนักข่าว RIA ของรัสเซียอ้างถ้อยแถลงจาก โบลตัน ซึ่งยืนยันว่า สหรัฐฯ ยังไม่มีแผนส่งขีปนาวุธไปประจำการในภูมิภาคยุโรปเพื่อเล่นงานรัสเซีย ต่อให้สนธิสัญญา INF ถูกยกเลิกก็ตาม

โบลตัน ระบุด้วยว่า สนธิสัญญาทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียถือว่าล้าสมัยไปแล้ว เพราะเวลานี้มีหลายประเทศที่กำลังพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง รวมถึงจีนและเกาหลีเหนือ

สนธิสัญญา INF กำหนดห้ามสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตติดตั้งระบบขีปนาวุธนิวเคลียร์ภาคพื้นดิน และขีปนาวุธร่อนที่มีพิสัยเดินทางตั้งแต่ 500-5,500 กิโลเมตร

ผลจากข้อตกลงฉบับนี้ทำให้สหภาพโซเวียตยอมถอนการติดตั้งขีปนาวุธ SS-20 ติดหัวรบนิวเคลียร์จำนวนหลายร้อยหัว ซึ่งส่วนใหญ่หันหน้าไปทางเมืองหลวงยุโรป
กำลังโหลดความคิดเห็น