เอเอฟพี – นักวิจารณ์ชาวซาอุดีอาระเบีย จามาล คาช็อกกี วิพากษ์วิจารณ์การปกครองของมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ว่า “เผด็จการ” ไม่นานก่อนการเสียชีวิตของเขา ในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่หลังจากการยืนยันว่า เขาเสียชีวิตที่สถานกงสุลของซาอุดีอาระเบียในอิสตันบูล
ในการพูดนอกเทปบันทึกกับนักข่าวของนิวส์วีคที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องของมกุฎราชกุมาร เขายืนกรานว่า เขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นฝ่ายต่อต้าน เขาแค่อยากให้ซาอุดีอาระเบียดีมากกว่านี้
“ผมไม่ได้กำลังเรียกร้องให้โค่นล้มการปกครอง เพราะผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้และเสี่ยงเกินไป และไม่มีใครที่จะโค่นล้มระบอบการปกครองนี้ ผมแค่เรียกร้องการปฏิรูประบอบการปกครอง” คาช็อกกี กล่าว
เขาระบุว่า มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดทรงเป็น “ผู้นำชนเผ่าแบบล้าหลัง” ที่ไม่เคยสัมผัสกับคนยากคนจนในซาอุดีอาระเบีย
“บางครั้งผมรู้สึกว่า พระองค์ทรงต้องการความเจริญจากความทันสมัย ซิลิคอน วัลเลย์ โรงภาพยนตร์ และทุกๆ อย่างแบบประเทศโลกที่หนึ่ง แต่ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงต้องการปกครองแบบเดียวกับที่พระบิดาของพระองค์เคยปกครองซาอุดีอาระเบีย” คาช็อกกี บอกกับนิวส์วีต
“พระองค์ยังไม่ทอดพระเนตรเห็นประชาชน เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชน เมื่อนั้นการปฏิรูปที่แท้จริงจะเริ่มขึ้น”
คาช็อกกียังวิพากษ์วิจารณ์มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดด้วยว่าทรงขาด “ที่ปรึกษาที่ดี”
“พระองค์ทรงกำลังขับเคลื่อนซาอุดีอาระเบียตามแบบของพระองค์ ซาอุดีอาระเบียตามแบบของ โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เท่านั้น” คาช็อกกี ซึ่งเป็นนักเขียนให้กับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ กล่าว
คาช็อกกีระบุว่า ที่ปรึกษาสองคนของมกุฎราชกุมาร เตอร์กี อัลชัยค์ รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาและ ซาอุด อัลเกาะห์ตานี ที่ปรึกษาฝ่ายสื่อเป็น “คนเกเรมากๆ”
“คนต่างกลัวพวกเขา ถ้าคุณท้าทายพวกเขา คุณอาจลงเอยในคุก และนั่นเคยเกิดขึ้นมาแล้ว” เขากล่าว
คาช็อกกีถูกพบเห็นล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมขณะเข้าไปยังสถานกงสุลของซาอุดีอาระเบียในอิสตันบูล
การหายตัวไปของเขาถูกปิดบังเป็นปริศนา โดยเจ้าหน้าที่ตุรกีกล่าวหาซาอุดีอาระเบียว่าทำการสังหารโดยมีรัฐหนุนหลังและแยกชิ้นส่วนศพ
เมื่อเช้าวันนี้ (20) ซาอุดีอาระเบียออกมายอมรับในที่สุดว่า คาช็อกกีเสียชีวิตภายในสถานกงสุล ในเหตุการณ์ที่พวกเขาอธิบายว่าเป็น “การทะเลาะวิวาท”
การยอมรับดังกล่าว หลังจากทางการซาอุฯ อ้างมานานว่า คาช็อกกีออกไปจากสถานกงสุลอย่างปลอดภัย ออกมาภายหลังคำขู่คว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ทางการซาอุฯ ยังไม่ได้ระบุว่าศพของเขาอยู่ที่ไหน
ในบทสัมภาษณ์ของนิวส์วีค คอช็อกกี ซึ่งการหายตัวไปของเขาดึงซาอุดีอาระเบียเข้าสู่หนึ่งในวิกฤตระหว่างประเทศครั้งเลวร้ายที่สุด กล่าวว่า การกดดันจากประชาคมโลกเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ระบอบการปกครองของซาอุดีอาระเบียอยู่ในร่องในรอย “นั่นคือความหวังเดียวของเรา” เขากล่าว
