รอยเตอร์ - สหรัฐฯและเกาหลีใต้ระงับการซ้อมรบร่วมป้องกันภัยทางอากาศที่กำลังมาถึง เพื่อเปิดทางให้ทุกโอกาสแห่งความพยายามทางการทูตกับเกาหลีเหนือเดินหน้าต่อไป จากการเปิดเผยของกองทัพอเมริกาในวันศุกร์(19ต.ค.)
เพนตากอนระบุว่าการระงับการซ้อมรบ Exercise Vigilant Ace ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในเดือนธันวาคม เป็นการตัดสินใจร่วมกันของ จิม แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯและ จอง คยองดู รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ ที่พบปะกันในวันศุกร์(19ต.ค.) ในสิงคโปร์
ดานา ไวท์ โฆษกเพนตากอนระบุในถ้อยแถลงว่าการตัดสินใจดังกล่าวก็เพื่อเปิดทางให้ทุกโอกาสของกระบวนการด้านการทูตเดินหน้าต่อไป "รัฐมนตรีทั้งสองมุ่งมั่นที่จะปรับเปลี่ยนการซ้อมรบเพื่อรับประกันความพร้อมของกองทัพของเรา พวกเขาสัญญาว่าจะคงไว้ซึ่งความร่วมมือกันใกล้ชิดระหว่างกันและประเมินการซ้อมรบในอนาคต"
โฆษกรายนี้เผยด้วยว่า แมตทิส ได้หยิบยกเรื่องนี้หารือกับรัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
สองชาติเกาหลีจัดประชุมซัมมิตมาแล้ว 3 ครั้งในปีนี้ ขณะเดียวกัน คิม จองดึน ผู้นำเปียงยาง ยังได้ประชุมซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในสิงคโปร์ เมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งทั้งสองผู้นำได้ให้คำสัญญาเดินหน้าสู่การปลดนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี
Vigilant Ace เป็นหนึ่งในหลายการซ้อมรบร่วมที่ถูกระงับนับตั้งแต่การประชุมซัมมิต ซึ่งมีเป้าหมายโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขา
เมื่อปีที่แล้ว การซ้อมรบ Vigilant Ace มีเครื่องบินเข้าร่วมมากกว่า 230 ลำ ในนั้นรวมถึงเครื่องบินขับไล่ล่องหน F-22 แรปเตอร์ 6 ลำ และกำลังพลของสหรัฐฯประมาณ 12,000 นาย
ทรัมป์ สร้างความประหลาดใจแก่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายคนเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา เมื่อเขาประกาศหลังการประชุมซัมมิตกับคิม ว่าสหรัฐฯจะระงับการซ้อมรบทางทหารช่วงฤดูร้อนกับเกาหลีใต้
เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้ที่เพนตากอนเสนอชื่อเป็นผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯในเกาหลีใต้ ระบุว่าการตัดสินใจระงับการซ้อมรบบางอย่างระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯก่อความเสี่ยงอยู่บ้าง เนื่องจากอาจทำให้ความพร้อมด้านการทหารนั้นลดลงเล็กน้อย
ในทางสาธารณะแล้ว วอชิงตันและโซลยืนกรานว่าพวกเขามีความคิดเหมือนกันในการจัดการกับเปียงยาง แต่ทว่าหลังฉากนั้น พบสัญญาณความเห็นต่างมากขึ้นระหว่างสองฝ่าย ในขณะที่เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือหล่อหลอมเดินหน้าแผนลดความตึงเครียดทางทหารและรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ