xs
xsm
sm
md
lg

เปิดภาพก่อนคอลัมนิสต์ดังหายตัว ตุรกีเตรียมตรวจสถานกงสุลซาอุฯ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

สื่ออเมริกันเผยแพร่ภาพสุดท้ายของคอลัมนิสต์ที่เป็นนักข่าวชาวซาอุฯ ผู้หายตัวปริศนาหลังเข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ
เอพี – สื่ออเมริกัน "วอชิงตัน โพสต์" เผยแพร่ภาพสุดท้ายของคอลัมนิสต์ที่เป็นนักข่าวชาวซาอุฯ ผู้หายตัวปริศนาหลังเข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ ที่อิสตันบูลสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งตุรกีเชื่อว่า ถูกฆ่าตายในสถานที่ดังกล่าวพร้อมเรียกร้องให้ริยาดห์แสดงหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ และเตรียมเข้าตรวจค้นสถานกงสุลของซาอุฯ เพื่อทำการสืบสวน

ซาอุดีอาระเบียโต้ว่า ข้อกล่าวหาที่ว่า จามาล คาช็อกกี ถูกฆ่าตายในสถานกงสุล “ไร้สาระ” แต่ตลอด 7 วันที่ผ่านมากลับไม่ยอมแสดงหลักฐานใดๆ ว่า คอลัมนิสต์คนดังกล่าวเดินทางออกจากสถานกงสุลแล้ว

ภาพที่วอชิงตัน โพสต์นำออกเผยแพร่ในวันอังคาร (9 ต.ค.) มีทั้งวันที่และเวลาประทับอยู่ รวมถึงคำบรรยายภาษาตุรกีว่า บุคคลในภาพคือ คาช็อกกี ซึ่งบันทึกไว้ขณะที่เขาไปถึงสถานกงสุลซาอุฯ ในเมืองอิสตันบูลของตุรกี โดยวอชิงตัน โพสต์เผยว่า ได้ภาพมาจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดการสอบสวนคดีนี้

ประตูที่คาช็อกกีเดินเข้าไปมีลักษณะเหมือนประตูทางเข้าหลักของสถานกงสุลที่ตั้งอยู่ในย่านฟอร์ธเลเวนต์ ใกล้ฮับการเงินของเมืองและเป็นย่านที่ตั้งสถานกงสุลของอีกหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม สถานกงสุลดังกล่าวมีทางเข้าออกหลายทาง และเจ้าหน้าที่ซาอุฯ อ้างว่า ขากลับออกไปคาช็อกกีใช้ประตูอื่น หลังจากเข้าไปทำเรื่องขอเอกสารสำหรับการแต่งงานกับคู่หมั้นชาวตุรกี นานครึ่งชั่วโมง

แม้ไม่รู้ว่า ภาพดังกล่าวมาจากกล้องตัวใดหรือจากใคร แต่รอบสถานกงสุลมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่หลายตัว เพื่อนของคาช็อกกีเผยว่า ตำรวจตุรกีได้ภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดในละแวกนั้นแล้วเพื่อใช้ในการสอบสวน

เฟร็ด ไฮแอตต์ บรรณาธิการหน้าบทบรรณาธิการของวอชิงตัน โพสต์ ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ซาอุฯ ไม่ได้มอบภาพจากกล้องวงจรปิดหรือหลักฐานใดๆ เพื่อสนับสนุนข้อกล่าวอ้างของตนเอง แต่เจ้าหน้าที่ตุรกีก็ไม่ได้โชว์หลักฐานพิสูจน์สมมติฐานว่า คาช็อกกีถูกสังหารในสถานกงสุลเช่นเดียวกัน

ไฮแอตต์สำทับว่า ความคิดที่ว่า รัฐบาลลวงประชาชนของตนเองไปสังหารในสถานกงสุลในประเทศอื่นโทษฐานที่แสดงความคิดเห็นอย่างสันตินั้นเป็นเรื่องที่เกินจินตนาการ

ทั้งนี้ คาช็อกกี วัย 59 ปี หายตัวไปหลังจากเดินทางไปยังสถานกงสุลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายงานระบุว่า เขาลี้ภัยอยู่ในอเมริกาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเนื่องจากการขึ้นสู่อำนาจของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน พระโอรสของกษัตริย์ซาลมานของซาอุฯ

ในฐานะคอลัมนิส์ของ "วอชิงตัน โพสต์" คาช็อกกีได้เขียนเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับซาอุฯ ซึ่งรวมถึงการวิจารณ์สงครามในเยเมน ข้อพิพาททางการทูตระหว่างริยาดห์กับแคนาดา รวมถึงการจับกุมนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีในซาอุฯ หลังจากยกเลิกคำสั่งห้ามผู้หญิงขับรถ โดยเชื่อกันว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ดอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ เช่นเดียวกับการจับกุมนักเคลื่อนไหว นักธุรกิจ และผู้ต่อต้านในประเทศ

ประธานาธิบดี เรเชป ตายยิป แอร์โดอัน ของตุรกี เรียกร้องระหว่างเยือนฮังการี ให้ซาอุดีอาระเบียแสดงหลักฐานยืนยันว่า คาช็อกกีเดินทางออกจากสถานกงสุลโดยสวัสดิภาพ

เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศตุรกีผู้หนึ่งเผยว่า วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.) ตุรกีเรียกเอกอัครราชทูตซาอุฯ เข้าพบเพื่อขอให้ริยาดห์ให้ความร่วมมือในการสอบสวนคดีการหายตัวของคาช็อกกีอย่างเต็มที่

ขณะเดียวกัน เอ็นทีวี สถานีทีวีเอกชนของตุรกี รายงานว่า อังการาขออนุญาตเข้าตรวจค้นสถานกงสุลของซาอุฯ เพื่อทำการสืบสวน

ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับซาอุฯ ตกต่ำอย่างมากจากการที่อังการาให้การสนับสนุนกาตาร์ระหว่างการเผชิญหน้ากับซาอุฯ และประเทศอื่นๆ ในอ่าวอาหรับ ด้วยการส่งอาหารและกองกำลังเข้าไปในกาตาร์ นอกจากนี้ ริยาดห์ยังไม่พอใจที่อังการาฟื้นความสัมพันธ์กับอิหร่าน ซึ่งเป็นศัตรูสำคัญของตน

ขณะเดียวกัน กรณีการหายตัวของคาช็อกกียังทำให้ซาอุฯ ถูกจับตาจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรกันมายาวนาน แม้แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เลือกซาอุฯ เป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น