ซีเอ็นเอ็น - เจ้าหน้าที่ด้านการประมงของออสเตรเลีย ลงมือฆ่าฉลาม 6 ตัวในพื้นที่หมู่เกาะวิทซันเดย์ หลังเกิดเหตุนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกฉลามโจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ผู้หญิงวัย 46 ปี และเด็กหญิง 12 ขวบ ถูกฉลามงับได้รับบาดเจ็บสาหัส ในคนละเหตุการณ์ในเวลาห่างกันไม่ถึง 24 ชั่วโมง แถวๆ หมู่เกาะวิทซันเดย์ ของออสเตรเลีย
เหตุโจมตีเมื่อวันพุธ (19 ก.ย.) และวันพฤหัสบดี (20 ก.ย.) เกิดขึ้นตรงอ่าวที่งดงามแห่งหนึ่งซึ่งล้อมรอบด้วยชายหาด ขณะที่อ่าวแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมตามแนวชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์ ทางภาคเหนือของประเทศ
กระทรวงเกษตรกรรมและการประมงรัฐควีนส์แลนด์ เปิดเผยในวันจันทร์ (24 ก.ย.) ว่าฉลาม 6 ตัว ในนั้นรวมถึงฉลามเสือความยาว 3.7 เมตร ถูกจับได้นับตั้งแต่ได้ติดตั้งเครื่องล่อเหยื่อ ดรัม ไลน์ส (Drum lines) ชั่วคราวเมื่อวันศุกร์ (21 ก.ย.)
“ตามระเบียบการการประมงรัฐควีนส์แลนด์ ฉลามถูกทำการุณยฆาตด้วยความปรานี ถูกวัดขนาดและนำขึ้นจากทะเลเพื่อการกำจัด” โฆษกการประมงรัฐควีนส์แลนด์กล่าวในถ้อยแถลง “ข้อความคือน่านน้ำนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับเล่นน้ำ ระหว่างช่วงวันหยุดนี้ เราขอให้นักท่องเที่ยวจงอยู่ในความระมัดระวัง อยู่ห่างจากน้ำและไม่โยนเศษอาหารลงจากเรือ”
นอกจากนี้แล้ว เรือของกระทรวงเกษตรกรรมและการประมงรัฐควีนส์แลนด์จะถูกส่งลาดเตระเวณในอ่าว เพื่อคอยเตือนประชาชนอย่าได้ลงเล่นน้ำในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการฆ่าฉลามของกระทรวงเกษตรกรรมและการประมงรัฐควีนส์แลนด์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ในนั้นรวมถึงองค์การส่งเสริมการมีมนุษยธรรมของออสเตรเลีย (Humane Society Australia) ที่โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์
“องค์การส่งเสริมการมีมนุษยธรรมเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องปกป้องคนเล่นน้ำ แต่การฆ่าฉลามไม่ใช่ทางออก การขัดขวางฉลาม, ลาดตระเวนทางอากาศ, ปรับปรุงระบบเตือนภัยและให้ความรู้ คือมาตรการที่น่าจะได้ผลมากกว่าในการลดเหตุเผชิญหน้าระหว่างฉลามกับมนุษย์”
ทั้งนี้ นอกเหนือจาก 2 รายล่าสุด นับตั้งแต่ต้นปี 2018 มีนักเล่นน้ำถูกฉลามกัดในออสเตรเลียแล้ว 33 ราย ในนั้น 2 รายเสียชีวิต