อิหร่านเตือน “สหรัฐฯ-อิสราเอล” รอชมการล้างแค้น หลังเหตุกราดยิงพิธีสวนสนาม

เอเอฟพี – รองหัวหน้าหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านเตือนผู้นำสหรัฐฯและอิสราเอลในวันนี้ (24) ว่าให้รอชม “การตอบโต้แบบทำลายล้าง” จากเตหะรานได้เลย พร้อมกล่าวหาพวกเขาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีพิธีสวนสนามในเมืองอาห์วาซ

ประชาชนหลายพันคนออกมากันเนืองแน่นถนนในเมืองอาห์วาซทางตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่านเพื่อไว้อาลัยเหยื่อเหตุโจมตีเมื่อวันเสาร์ (23) ที่คร่า 25 ชีวิต รวมถึงสมาชิกหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติ 12 คน

เหตุโจมตีดังกล่าว หนึ่งในการโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดต่อกองกำลังทหารทรงอำนาจที่สุดของสาธารณรัฐอิสลาม สร้างความเสื่อมเสียให้กับสถาบันความมั่นคงในเวลาที่สหรัฐฯและพันธมิตรอ่าวอาหรับกำลังพยายามโดดเดี่ยวเตหะราน

“คุณเคยเห็นการล้างแค้นของเรามาก่อนแล้ว คุณจะได้เห็นว่า การตอบโต้ของเราจะบดขยี้และทำลายล้าง และคุณจะเสียใจกับสิ่งที่คุณทำลงไป” ฮุสเซน ซาลามี กล่าวในการปราศรัยก่อนพิธีศพเหยื่อในอาห์วาซ ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ทางการ

รัฐมนตรีกระทรวงข่าวกรองของอิหร่าน มาห์มูด อลาวี กล่าวว่า เครือข่ายผู้ต้องสงสัยขนาดใหญ่ได้ถูกจับกุมเนื่องด้วยเหตุโจมตีดังกล่าว มิซาน สำนักข่าวของฝ่ายตุลาการ รายงาน

อิหร่านประกาศให้วันนี้เป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศ ที่ทำการรัฐบาล ธนาคาร โรงเรียน และมหาวิทยาลัยจะถูกปิดในจังหวัดคูเซสถาน

ผู้ก่อเหตุ 4 คนกราดยิงใส่กลุ่มผู้ชมในเมืองอาห์วาซซึ่งตอนนั้นเจ้าหน้าที่อิหร่านมารวมตัวกันเพื่อชมงานพิธีประจำปีรำลึกจุดเริ่มต้นของสงครามอิหร่าน-อิรักช่วงปี 1980-1988

สำนักข่าวอามักของกลุ่มรัฐอิสลามโพสต์คลิปวีดิโอชายสามคนในรถยนต์คันหนึ่งซึ่ง อามักระบุว่า พวกเขากำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไปก่อเหตุโจมตี

ชายสวมหมวกเบสบอลประดับสิ่งที่ดูเหมือนเป็นตราหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติพูดคุยเรื่องแผนการโจมตีในเมืองฟาร์ซีในคลิปวีดิโอดังกล่าว

“พวกเราเป็นมุสลิม พวกมันเป็นคาฟีร์ (ผู้ไม่ศรัทธา) ” ชายคนนั้น กล่าว เขาเสริมว่า “เราจะทลายพวกมันด้วยการโจมตีหนักหน่วงแบบกองโจร อินชาอัลเลาะห์ (หากพระเจ้าทรงประสงค์) ”

Ahvaz National Resistanc ขบวนการต่อต้านเชื้อสายอาหรับในอิหร่านที่พยายามตั้งรัฐแบ่งแยกในจังหวัดคูเซสถาน ก็อ้างความรับผิดชอบด้วยเช่นกัน

เหล่าผู้บัญชาการอาวุโสของหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) กล่าวว่า เหตุโจมตีในอาห์วาซเป็นฝีมือกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการฝึกจากรัฐอ่าวอาหรับและอิสราเอล และมีอเมริกาหนุนหลัง แต่ IRGC ไม่น่าจะโจมตีศัตรูเหล่านี้โดยตรง

หน่วยพิทักษ์ฯ อาจแสดงแสนยานุภาพด้วยการยิงขีปนาวุธใส่กลุ่มต่อต้านที่ปฏิบัติการในอิรักหรือซีเรียที่อาจมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุโจมตี

พวกเขาน่าจะบังคับใช้นโยบายความมั่นคงรัดกุมในจังหวัดคูเซสถานด้วย และจับกุมผู้ต่อต้านในประเทศรายใดก็ตามรวมถึงนักเคลื่อนเพื่อนสิทธิพลเมือง