รอยเตอร์ - ผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือประกาศจะเดินทางไปเยือนกรุงโซลเร็วๆ นี้ พร้อมรับปากจะเชิญผู้เชี่ยวชาญต่างชาติร่วมสังเกตการณ์การรื้อถอนศูนย์ทดสอบขีปนาวุธหลักอย่างถาวร และจะปิดโรงงานนิวเคลียร์แห่งสำคัญของประเทศ ภายใต้เงื่อนไขว่าสหรัฐฯ จะต้องมีมาตรการตอบสนองแลกเปลี่ยนกัน (reciprocal action) ประธานาธิบดี มุน แจอิน แห่งเกาหลีใต้ระบุวันนี้ (19 ก.ย.)
ระหว่างการแถลงข่าวร่วมที่กรุงเปียงยาง มุน และ คิม ตกลงกันว่าจะเปลี่ยนคาบสมุทรเกาหลีให้กลายเป็น “ดินแดนแห่งสันติภาพที่ปราศจากทั้งอาวุธนิวเคลียร์และภัยคุกคามนิวเคลียร์” และพร้อมจะ “ดำเนินการอย่างฉับไว” เพื่อให้สำเร็จตามนั้น
การประชุมซัมมิตครั้งที่ 3 ระหว่าง มุน และ คิม ถือเป็นบททดสอบเบื้องต้นว่าการเจรจาปลดนุกระหว่างวอชิงตันและเปียงยางจะคืบหน้าต่อไปได้หรือไม่ และยังเป็นตัวชี้วัดโอกาสในการจัดซัมมิตสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือครั้งที่ 2 ตามที่ผู้นำ คิม ได้ยื่นข้อเสนอแก่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
ผู้นำเกาหลีใต้พยายามร่างข้อเสนอซึ่งจะให้ทั้งกรอบเวลาในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงแถลงการณ์ร่วมปิดฉากสงครามเกาหลีปี 1950-53 อย่างเป็นทางการ
คิม จองอึน เคยรับปากตอนที่พบกับ มุน ครั้งแรกเมื่อเดือน เม.ย. รวมถึงระหว่างการประชุมซัมมิตกับ ทรัมป์ ที่สิงคโปร์เมื่อเดือน มิ.ย. ว่าจะ “ทำงานเพื่อมุ่งไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี” แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ขณะที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้โสมแดงปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างเป็นรูปธรรมก่อนจะมาพูดถึงเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพหรือการผ่อนคลายคว่ำบาตร
ทรัมป์ ออกมาชื่นชมคำมั่นสัญญาล่าสุดของผู้นำโสมแดงว่า “น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง”
“คิม จองอึน จะยอมรับผู้ตรวจสอบนิวเคลียร์ โดยขึ้นอยู่กับผลเจรจาขั้นสุดท้าย และจะทำลายศูนย์ทดสอบขีปนาวุธต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ ซึ่งระหว่างนี้จะไม่มีการยิงจรวดหรือทดสอบนิวเคลียร์เกิดขึ้น” ทรัมป์ ทวีตข้อความ
คิม จองอึน ยังรับปากว่าจะไปเยือนกรุงโซลในเร็ววันนี้ ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผู้นำรัฐคอมมิวนิสต์โสมแดงไปเยือนเมืองหลวงเกาหลีใต้ โดยประธานาธิบดี มุน คาดกำหนดการเยือนน่าจะมีขึ้นราวๆ ปลายปีนี้
แม้โสมแดงจะระงับการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธฝ่ายเดียว รวมถึงทำลายสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์แห่งหนึ่งไปเมื่อเดือน พ.ค. แต่ก็ไม่ยินยอมให้นานาชาติเข้าไปตรวจสอบ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้
มุน ระบุว่า ขั้นตอนต่อไปนั้นเกาหลีเหนือจะยอมให้ผู้เชี่ยวชาญ “จากประเทศที่เกี่ยวข้อง” เข้าไปสังเกตการณ์การปิดศูนย์ทดสอบเครื่องยนต์และสถานีปล่อยจรวดในเมืองตงชาง-รี (Dongchang-ri) ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบหลักที่เกาหลีเหนือใช้ในการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM)
เกาหลีเหนือยัง “แสดงความพร้อม” ที่จะมีมาตรการเสริมอื่นๆ เช่น รื้อถอนโรงงานนิวเคลียร์ในเมืองยองบยอน (Yongbyon) อย่างถาวร หากสหรัฐฯ ยอมดำเนินการบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนกัน
เมลิสซา ฮานแฮม นักวิจัยอาวุโสจากศูนย์เพื่อการไม่แพร่กระจายอาวุธศึกษา เจมส์ มาร์ติน (James Martin Centre for Nonproliferation Studies) ระบุว่า “ดิฉันคิดว่ามาตรการเหล่านี้เป็นสัญญาณบวก แต่ก็อย่าลืมว่าเกาหลีเหนือยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน”
“เรายังไม่มีกรอบเวลา และไม่มีอะไรรับรองได้ว่าพวกเขาซุกซ่อนโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธขนาดใหญ่กว่าที่เรารู้หรือไม่ การอนุญาตให้ผู้ตรวจสอบเข้าไปที่ยองบยอนเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะยอมให้เราเห็นแค่ไหน และจะใช้เครื่องมือตรวจสอบอะไรได้บ้าง”
ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติชี้ว่า โรงงานยองบยอนของเกาหลีเหนือมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาด 5 เมกะวัตต์อยู่หลายตัว รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆ เช่น เครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ (centrifuges) และวัสดุฟิสไซล์จำพวกยูเรเนียมและพลูโตเนียมที่ใช้สำหรับทำระเบิด
เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังตกลงจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 2032 และจะประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว
ทั้งสองฝ่ายยังได้จัดทำข้อตกลงทางทหารเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่ง โดยจะทยอยรื้อถอนป้อมทหารและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อทำให้ชายแดนสองเกาหลีกลายเป็นเขตปลอดอาวุธ