xs
xsm
sm
md
lg

สงครามการค้าดุเดือดขึ้นอีก ทรัมป์รีดภาษีสินค้าจีนเพิ่ม$2แสนล้าน ปักกิ่งยันต้องเอาคืนแต่ยังไม่แจงชัดเจน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์ – จีนลั่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบโต้ แต่ยังอุบไม่เปิดเผยรายละเอียด หลังทรัมป์บังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรระลอกใหม่กับสินค้าเมดอินไชน่ามูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ แถมขู่ว่าถ้าปักกิ่งคิดอ่านเอาคืนแล้ว จะเจออีกระลอกกับสินค้าอีก 267,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อรวมกับที่ได้บังคับใช้มาก่อนหน้านี้แล้ว จะหมายถึงการเล่นงานสินค้าที่ส่งมาจากแดนมังกรทั้งหมด

ในวันอังคาร (18) กระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงว่า เพื่อปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศ รวมทั้งระเบียบการค้าเสรีของโลก จีนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบโต้สหรัฐฯ และว่า การยืนกรานขึ้นภาษีศุลกากรของวอชิงตันทำให้การเจรจาการค้าระหว่างกันไร้ความแน่นอน และปักกิ่งหวังว่า อเมริกาจะตระหนักถึงผลลบจากการกระทำของตัวเอง และดำเนินขั้นตอนที่น่าเชื่อถือเพื่อแก้ไขพฤติกรรมนั้นอย่างทันท่วงที

คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการตอบโต้ของจีน กระนั้น เกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงในเวลาต่อมาว่า การเจรจาบนพื้นฐานที่เท่าเทียมเป็นวิธีเดียวในการแก้ไขข้อพิพาททางการค้า และว่า จีนรับไม่ได้กับการดำเนินการฝ่ายเดียวของอเมริกาในขณะนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่า อเมริกาไม่มีความจริงใจ

เกิ่งเสริมว่า จะไม่แสดงความคิดเห็นในเชิงคาดเดาตั้งสมมุติฐานว่าปักกิ่งกำลังพิจารณามาตรการตอบโต้อะไรบ้าง นอกเหนือจากการเก็บภาษีศุลกากรสินค้าอเมริกัน และทิ้งท้ายว่า จะมีการเปิดเผยรายละเอียดมาตรการตอบโต้ในเวลาที่เหมาะสม

ปฏิกิริยาเหล่านี้ของจีนเกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ (17) ระบุว่าสหรัฐฯจะเริ่มเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น 10% จากสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีผลตั้งแต่วันจันทร์หน้า (24) และหากสหรัฐฯกับจีนยังไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ ก็จะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ปีหน้า โดยที่ขั้นตอนเช่นนี้ยังมุ่งให้ธุรกิจอเมริกันมีเวลาโยกย้ายห่วงโซ่อุปทานไปยังประเทศอื่น

ประมุขทำเนียบขาวสำทับว่า ที่ต้องทำแบบนี้เพราะจีนไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจและแรงงานของสหรัฐฯ นอกจากนั้นเขายังขู่ว่า หากจีนตอบโต้ สหรัฐฯจะเดินหน้าขึ้นภาษีอีกระลอกกับสินค้าจีนมูลค่า 267,000 ล้านดอลลาร์ทันที

ทั้งนี้สหรัฐฯบังคับใช้มาตรการขึ้นพิกัดอัตราศุลกากรจากสินค้านำเข้าของจีนเฟสแรกไปแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 2 ขยัก คือ 34,000 ล้านดอลลาร์ และ 16,000 ล้านดอลลาร์ รวม 50,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อรวมกับที่ประกาศใหม่ในวันจันทร์ 200,000 ล้านดอลลาร์ และที่ทรัมป์ขู่จะเดินหน้า โดยเรียกว่าเป็น “เฟส3” อีก 267,000 ล้านดอลลาร์ ก็จะมีตัวเลขใกล้เคียงกับสินค้าเข้าทั้งหมดของจีนที่ส่งไปสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว

ทรัมป์ตั้งท่าจะประกาศขึ้นภาษีกับสินค้าจีน “เฟส 2” มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์มาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อน แต่เลื่อนช้าออกไป ส่วนหนึ่งเนื่องจากในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของสาธารณชนนั้น มีบริษัทต่างๆ หลายร้อยรายยื่นเรื่องขอให้พิจารณาทบทวน และปรากฏว่าจากรายการในตอนแรกซึ่งมีรายการสินค้าแดนมังกรที่จะถูกเล่นงานกว่า 6,000 หมวดหมู่ เมื่อบัญชีสุดท้ายประกาศออกมาก็ได้มีการตัดออกไปเกือบ 300 หมวดหมู่

ถึงแม้คณะบริหารทรัมป์ดูมีความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกับพวกสินค้าผู้บริโภค แต่ในการขึ้นภาษีที่ประกาศใช้แล้วเหล่านี้รวมกันจะเท่ากับราวครึ่งหนึ่งของสินค้าเข้าจากจีน จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีผลกระทบให้เห็น ด้วยเหตุนี้จึงมีบริษัทต่างๆ ของสหรัฐฯจำนวนมากออกมาโวย

ในอีกด้านหนึ่ง ฟาง ซิงไห่ รองประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน แสดงความเห็นระหว่างการประชุมที่เทียนจินในวันอังคารว่า มาตรการการค้าของอเมริกาไม่สามารถบีบจีนได้ เนื่องจากจีนมีเครื่องมือนโยบายการคลังและการเงินมากมายในการรับมือ และสำทับว่า การดำเนินการล่าสุดของวอชิงตันทำลายบรรยากาศการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง

ขณะที่หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ฉบับวันอังคารรายงานโดยอ้างอิงการเปิดเผยของแหล่งข่าวในรัฐบาลจีนว่า ปักกิ่งกำลังทบทวนแผนส่งผู้แทนไปวอชิงตันตามคำเชิญของสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทว่า จนถึงวันนี้ยังไม่มีการกำหนดเวลาและสถานที่แต่อย่างใด

ตอนที่สหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีศุลกากรจากสินค้าจีน 34,000 ล้านดอลลาร์เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม และ 16,000 ล้านดอลลาร์เมื่อต้นเดือนสิงหาคมนั้น จีนได้ตอบโต้ทันทีด้วยการขึ้นภาษีจากสินค้าอเมริกันซึ่งนำเข้าจีนในมูลค่าและอัตราเดียวกัน สำหรับมาตรการเฟส 2 จำนวน 200,000 ล้านดอลลาร์นี้ ปักกิ่งได้เคยระบุก่อนหน้านี้ว่าจะตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีจากสินค้านำเข้าของสหรัฐฯมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่เห็นกันว่าเหตุผลสำคัญก็คือ จีนนำเข้าสินค้าอเมริกันน้อยกว่าที่สหรัฐฯนำเข้าสินค้าแดนมังกรอย่างมากมาย จึงไม่ค่อยเหลือ “กระสุน” ที่จะใช้ต่อสู้เอาคืน กระนั้น ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าจีนยังสามารถใช้วิธีการอื่นๆ ในการตอบโต้สหรัฐฯได้ เป็นต้นว่าการใช้ระเบียบกฏเกณฑ์ต่างๆ เล่นงานบริษัทอเมริกันที่ดำเนินกิจการในจีน

ด้านสภาหอการค้าสหภาพยุโรปในจีนออกคำแถลงเมื่อวันอังคารว่า ความตึงเครียดในระบบเศรษฐกิจโลกสะท้อนชัดเจนในสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกชะงักงันรุนแรง

การเผชิญหน้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจยังส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วน วอลล์สตรีทปิดการซื้อขายวันจันทร์ในแดนลบ ส่วนตลาดหุ้นจีนหล่นไปกว่า 1% ในวันอังคาร โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตลดลงอยู่ที่ 2,651.79 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับจากปี 2014

นอกจากนี้แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่า มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกาเพียงเล็กน้อย แต่บริษัททั่วประเทศกลับพากันรายงานว่า สูญเสียธุรกิจ ต้องปลดพนักงาน และอาจล้มละลาย เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้นแต่ส่งออกได้น้อยลง

ดีน กราฟิลด์ ประธานสภาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เป็นตัวแทนบริษัทไฮเทคชั้นนำของอเมริกา วิจารณ์ว่า การตัดสินใจของทรัมป์สะเพร่า และจะทำให้ชุมชนทั่วประเทศได้รับผลกระทบยาวนาน

ฮัน แควช รองประธานฝ่ายการค้าระหว่างประเทศของสมาคมผู้นำอุตสาหกรรมค้าปลีก รับลูกว่า ผู้บริโภคอเมริกันคือผู้ที่ต้องแบกรับผลจากภาษีศุลกากรของทรัมป์ ขณะที่เกษตรกรอเมริกันจะได้รับผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของจีนรุนแรงขึ้น

เคนเนธ จาร์เร็ตต์ ประธานสมาคมหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า สมาชิก 3 ใน 4 จะได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากร ซึ่งไม่ได้ช่วยให้การจ้างงานในอเมริกาฟื้นตัวแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น