รอยเตอร์ - ผู้นำคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือได้ส่งจดหมายส่วนตัวถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เพื่อขอจัดการประชุมซัมมิตเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งทำเนียบขาวกำลังพิจารณาวันเวลาที่เหมาะสม
ผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือยังคงพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตของโครงการนิวเคลียร์โสมแดงเรื่อยมา หลังจากที่ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกที่สิงคโปร์เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าผลการประชุมซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์นั้นไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนว่าเกาหลีเหนือเต็มใจจะปลดอาวุธนิวเคลียร์จริงหรือไม่ และจะดำเนินการอย่างไร
สำหรับการประชุมซัมมิตรอบสองนี้ยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน แม้มีความเป็นไปได้ที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะเปิดหารือคู่ขนานระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่นครนิวยอร์กในช่วงปลายเดือนนี้ แต่ จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ เชื่อว่าผู้นำคิมคงไม่เดินทางมาสหรัฐฯ ด้วยตนเองแน่
ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (7) ว่า ตนคาดหมายว่าจะได้รับจดหมายส่วนตัวจาก คิม เร็วๆ นี้
ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ (10) ว่า จดหมายที่ผู้นำคิมส่งมานั้น “อบอุ่นและเป็นไปในเชิงบวกอย่างยิ่ง”
“จุดประสงค์ของจดหมายก็คือ ขอให้สหรัฐฯ หาวันเวลาที่จะสามารถจัดประชุมซัมมิตกับท่านประธานาธิบดีได้อีกครั้ง ซึ่งทางเรายินดีและได้ดำเนินการให้ความร่วมมือแล้ว” เธอกล่าว
แซนเดอร์สย้ำว่า จดหมายจากผู้นำโสมแดง “บ่งชี้ถึงเจตนารมณ์ที่มั่นคงในการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี” และพิธีสวนสนามกองทัพในกรุงเปียงยางเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (9) ก็เป็น “สัญญาณความตั้งใจที่ดี” เพราะไม่มีการนำขีปนาวุธพิสัยไกลออกมาข่มขู่ประชาคมโลกเหมือนปีก่อนๆ
แฮร์รี คาเซียนิส ผู้อำนวยการฝ่ายกลาโหมศึกษาจากศูนย์เพื่อผลประโยชน์ชาติ (Center for the National Interest) ซึ่งเป็นสถาบันคลังความคิดในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เชื่อว่า ทรัมป์ เดินมาถูกทางแล้วที่พยายามเปิดเจรจากับผู้นำคิมอีกครั้งหนึ่ง
“จากที่ คิม รับปากว่าจะปลดอาวุธนิวเคลียร์ให้สำเร็จก่อน ทรัมป์ หมดวาระดำรงตำแหน่งเทอมแรก และการที่พวกเขาไม่ได้นำขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่นใดๆ ออกมาโชว์ในพิธีเฉลิมฉลองก่อตั้งประเทศครบ 70 ปี มันก็มีเหตุผลที่เราจะมองในแง่ดีได้” เขาให้ความเห็น