xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus: จับสัญญาณ ‘ทรัมป์’ เริ่มหมดความอดทน หลังแผนปลดนุก ‘โสมแดง’ ไม่คืบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ
สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเริ่มปรากฏเค้าลางความตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง เมื่อสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกมาตรการระงับซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ และงดส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปเยือนเปียงยางในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนถึงคณะผู้นำโสมแดงว่าวอชิงตันเริ่มหมดความอดทนกับกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ที่ยังไร้ความคืบหน้า

ขณะที่ทั่วโลกยังไม่ลืมบรรยากาศอันชื่นมื่นของการประชุมซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และผู้นำคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือที่สิงคโปร์เมื่อเดือน มิ.ย. ซึ่งผู้นำทั้งสองได้บรรลุข้อตกลง “ร่วมกันทำงานเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี” แต่ก็ดูเหมือนว่าหนทางจะไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เมื่อเกาหลีเหนือยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมปฏิบัติตามที่สัญญาไว้

ปัญหาสำคัญอยู่ที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่อาจลดความเห็นต่างเกี่ยวกับแนวทางการปลดอาวุธนิวเคลียร์ โดยฝ่ายเกาหลีเหนือนั้นเรียกร้องให้สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ยอมทำสนธิสัญญาสันติภาพยุติสงครามเกาหลีเสียก่อน เพื่อเป็นเครื่องค้ำประกันความมั่นคงแก่เปียงยาง ขณะที่รัฐบาล ทรัมป์ ยืนกรานว่าข้อตกลงสันติภาพและการประนีประนอมอื่นๆ จะตามมาก็ต่อเมื่อโสมแดงยอมพับโครงการนิวเคลียร์อย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ทรัมป์ ได้สั่งระงับการไปเยือนเปียงยางครั้งที่ 4 ของ ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พร้อมทั้งยอมรับเป็นครั้งแรกว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์โสมแดงยังไร้ความคืบหน้า ทั้งที่เคยโอ้อวดว่าการประชุมซัมมิตกับ คิม ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม และถึงขั้นประกาศว่า “ไม่มีภัยคุกคามนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนืออีกต่อไป”

เจ้าหน้าที่อเมริกันระบุว่า สาเหตุที่ ทรัมป์ ยกเลิกทริปของ พอมเพโอ อย่างกะทันหันเป็นเพราะได้รับจดหมาย ‘ก้าวร้าว’ จาก คิม ยองชอล (Kim Yong Chol) รองประธานพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ ซึ่งเขียนมาขู่ว่ากระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์อาจไปไม่รอด

ล่าสุด รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เจมส์ แมตทิส ได้ออกมาขู่โสมแดงกลายๆ โดยระบุเมื่อวันอังคาร (27) ว่า เพนตากอน “ไม่มีแผนที่จะระงับการซ้อมรบบนคาบสมุทรเกาหลีอีกต่อไป”

หลังการประชุมซัมมิตที่สิงคโปร์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งระงับการซ้อมรบร่วมขนาดใหญ่กับเกาหลีใต้อย่างไม่มีกำหนด ซึ่งรวมถึงการซ้อมรบภายใต้รหัส ‘อุลชิ ฟรีดอม’ (Ulchi Freedom) ในฤดูร้อนปีนี้ เพื่อแสดงออกถึงความจริงใจ และหวังว่าจะช่วยโน้มน้าวให้โสมแดงยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเจ้าหน้าที่เพนตากอนที่มองว่า ทรัมป์ อ่อนข้อให้ คิม จองอึน มากเกินไป

แมตทิส ไม่ได้ระบุว่าการฝึกร่วมทางยุทธวิธีบนคาบสมุทรเกาหลีจะเริ่มขึ้นอีกเมื่อไหร่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการเผื่อหนทางให้เปียงยางยอมเจรจา

“เราต้องรอดูว่าการเจรจาคืบหน้าหรือไม่ แล้วค่อยพิจารณาอีกครั้งว่าจะเดินหน้าไปในทิศทางใด” แมตทิส ระบุ

ล่าสุด ทำเนียบขาวได้ออกมาเบรกความกังวลเรื่องการเจรจาที่ส่อเค้าล่ม โดยประกาศเมื่อวันพุธ (29) ว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่าง ทรัมป์ กับผู้นำโสมแดงยังอบอุ่นเหมือนเดิม และสหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้นการซ้อมรบกับเกาหลีใต้ในอนาคตอันใกล้ แต่ก็ไม่วายขู่ว่า “ประธานาธิบดีสามารถสั่งเปิดการซ้อมรบกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้ทันทีที่ต้องการ ซึ่งถ้าท่านทำเมื่อไหร่ มันจะเป็นการฝึกร่วมที่ใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่าทุกครั้ง”

สำหรับการซ้อมรบใหญ่ระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ครั้งถัดไปมีชื่อรหัสว่า ‘คีย์ รีโซล์ฟ/ โฟล อีเกิล” (Key Resolve/ Foal Eagle) โดยคาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า

เกาหลีเหนือมองว่าการฝึกร่วมทางทหารระหว่างโซลและวอชิงตันนั้นเป็นการ ‘ซ้อมรุกราน’ และมีเจตนาข่มขู่เปียงยาง ขณะที่จีนเองก็ไม่พอใจเช่นกัน

ทรัมป์ ออกมาตำหนิจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าไม่ช่วยสนับสนุนกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์โสมแดงมากเท่าที่ควร

วีพิน นารัง (Vipin Narang) อาจารย์ด้านความมั่นคงศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีแมตซาชูเซตส์ หรือ ‘เอ็มไอที’ ระบุว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นว่า ทรัมป์ นั้นไม่พอใจผลการเจรจา ทว่าการที่โสมแดงยอมระงับทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธก็ถือเป็นไพ่ใบสำคัญที่น่าจะทำให้สหรัฐฯ ยอมเจรจาด้วยต่อไป

“หากการเจรจาล้มเหลว คิม จองอึน อาจจะทำอะไรบางอย่าง เช่น สั่งยิงดาวเทียมอีกครั้งก็เป็นได้” นารัง ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

นิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ ยืนยันว่า การเจรจากับเกาหลีเหนือกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง

“ถามว่าไปเร็วไหม? ก็ไม่ แต่เราไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่ามันจะต้องเร็ว เรารู้ว่านี่คือกระบวนการที่จะต้องเดินไปอย่างช้าๆ และยากลำบากพอสมควร” เธอกล่าว

สื่อโสมแดงกล่าวโทษสหรัฐฯ ว่าเป็นฝ่ายที่ทำให้การเจรจาไม่คืบหน้า และเรียกร้องให้ ทรัมป์ ‘ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว’ เพื่อปลดล็อคปัญหาทั้งหมด

เจ้าหน้าที่อเมริกันเผยกับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เมื่อเดือน ก.ค. ว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังผลิตขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวอย่างน้อย 1-2 ลูก ขณะที่เว็บไซต์ 38 North ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือชี้ว่า เปียงยางได้หยุดรื้อถอนศูนย์ทดสอบเครื่องยนต์จรวดที่โซแฮ (Sohae) มาตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. สอดคล้องกับรายงานจากทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ซึ่งยืนยันว่า ‘ไม่พบ’ หลักฐานบ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือยุติกิจกรรมนิวเคลียร์

ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่ระบุว่า นักการทูตอเมริกันไม่เชื่อว่าผู้นำ คิม จะยอมล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์จริงอย่างที่ปากพูด และแค่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ ทรัมป์ เพื่อต่อรองให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายคว่ำบาตร

แดเนียล สไนเดอร์ (Daniel Sneider) อาจารย์ด้านเอเชียตะวันออกศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชี้ว่า รัฐบาลโสมแดง “ยังมั่นใจว่าพวกเขาจะได้ในสิ่งที่ต้องการ หากมีการประชุมซัมมิต คิม-ทรัมป์ ครั้งที่สอง”


กำลังโหลดความคิดเห็น