สหรัฐฯ จวกจีนบ่อนทำลาย “ความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ” หลังดึงเอลซัลวาดอร์เป็นพวก

เอเอฟพี – สหรัฐฯกล่าวหาจีนเมื่อวานนี้ (23) ว่าบ่อนทำลายความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบภายหลังการประกาศในสัปดาห์นี้ว่า เอลซัลวอดอร์จะยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทเปเพื่อสนับสนุนปักกิ่ง

“สหรัฐฯจะเดินหน้าต่อต้านการบ่อนทำลายความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบและการแทรกแซงการเมืองในซีกโลกตะวันตกของจีน” ทำเนียบขาว ระบุในถ้อยแถลง

“นี่เป็นการตัดสินใจที่ส่งผลกระทบไม่ใช่แค่ต่อเอลซัลวาดอร์ แต่รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและความมั่นคงของภูมิภาคอเมริกาทั้งหมด” ทำเนียบขาว พูดถึงประกาศเมื่อวันอังคาร (21) และย้ำว่า สหรัฐฯจะทบทวนความสัมพันธ์กับประเทศแถบอเมริกากลางแห่งนี้ใหม่

ไต้หวันและจีนทำสงครามการทูตกันมาเป็นเวลาหลายปีในประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ ด้วยการสนับสนุนทางเศรษฐกิจและความช่วยเหลืออื่นๆ ที่มักถูกใช้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนสำหรับการยอมรับทางการทูต

ปักกิ่งมองว่าไต้หวันที่ปกครองตนเองด้วยระบอบประชาธิปไตยเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของพวกเขาที่รอการควบรวมกลับและไม่ปฏิเสธที่จะใช้กำลังหากจำเป็น

ความสัมพันธ์ระหว่างไทเปและปักกิ่งย่ำแย่ลงหลังจาก ไช่ อิงเหวิน ขึ้นสู่อำนาจในปี 2016 เนื่องจากรัฐบาลของเธอไม่ยอมรับว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนเดียว

ด้วยเหตุนั้น จีนได้ยกระดับการช่วงชิงพันธมิตรอย่างเป็นทางการเพียงไม่กี่รายของไต้หวัน

เอลซัลวาดอร์กลายเป็นความพ่ายแพ้ทางการทูตครั้งที่ 5 ภายใต้ประธานาธิบดีไช่และเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ประเทศส่วนใหญ่ก่อตั้งความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับปักกิ่งมากกว่าไทเปในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ไต้หวันยังคงมีความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับประเทศมหาอำนาจหลายแห่ง

พันธมิตรอย่างไม่เป็นทางการรายสำคัญที่สุดของพวกเขาคือสหรัฐฯ ซึ่งยังคงเป็นผู้จัดหาอาวุธรายต้นๆ ให้กับไต้หวัน ถึงแม้ว่าจะหันไปให้การรับรองทางการทูตกับปักกิ่งในปี 1979

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและไต้หวันแนบแน่นมากขึ้นในช่วงกี่เดือนมานี้จนสร้างความไม่พอใจให้กับจีน

นักวิเคราะห์บางคนมองว่าการชักจูงเอลซัลวาดออร์เป็นการตบหน้าคณะบริหารทรัมป์ทางอ้อมและเป็นคำเตือนว่าอย่าเห็นการแสดงความเป็นมิตรกันอีก