มาร์เกตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันลงแรงในวันจันทร์ (13 ส.ค.) คาดสต๊อกเพิ่มขึ้นที่ศูนย์ส่งมอบสัญญาสหรัฐฯ และพบกำลังผลิตโอเปกสูงขึ้น ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบแรง กังวลปัญหาค่าเงินตุรกีจะแผ่ลามซ้ำรอย “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ขณะที่ทองคำร่วงหนักกว่า 20 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 43 เซ็นต์ ปิดที่ 67.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักลงทุนบอกว่า ความเคลื่อนไหวในแดนลบของราคาน้ำมันมีขึ้นหลังจาก เจนสเคป บริษัทข้อมูลข่าวกรองด้านการตลาด ประมาณการว่าคลังน้ำมันดิบสำรองที่เมืองคุชชิง มลรัฐโอกลาโฮมา ศูนย์ส่งมอบน้ำมันตามสัญญาไนเม็กซ์ จะเพิ่มสูงขึ้น ก่อนหน้าที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ จะมีกำหนดเผยแพร่รายงานออกมาในตอนเช้าวันพุธ (15 ส.ค.)
ตลาดน้ำมันดิบถูกกดดันอยู่ก่อนแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้โอเปกระบุในวันจันทร์ (13 ส.ค.) ว่ากำลังผลิตของเหล่าสมาชิกกลุ่มเพื่มขึ้น 41,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม แม้กำลังผลิตในซาอุดีอาระเบียลดลง
ด้านตลาดหุุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (13 ส.ค.) ปิดลบแรง ท่ามกลางความกังวลว่าวิกฤตค่าเงินตุรกีจะแผ่ลามไปยังเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่นๆ
ดาวโจนส์ ลดลง 125.44 จุด (0.50 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 25,187.70 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 11.35 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,821.93 จุด แนสแดค ลดลง 19.40 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,819.71 จุด
วอลล์สตรีทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดทุนอื่นๆ ในเอเชียและยุโรปที่ต่างปิดลบถ้วนหน้า ในขณะที่ค่าเงินลีราตุรกี ดำดิ่งแตะระดับต่ำสุดรอบใหม่เมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโร
การดิ่งลงของค่าเงินลีรา รื้อฟื้นความกังวลเหตุการณ์ซ้ำรอยปี 1997 เมื่อครั้งที่ภาวะค่าเงินบาทของไทยตกต่ำ แผ่ลามสู่วิกฤตเศรษฐกิจทั่วเอเชียในวงกว้างที่เรียกกันว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง”
ทั้งนี้ ค่าเงินของเหล่าเศรษฐกิจเกิดใหม่ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอยู่ก่อนแล้ว สืบเนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และถูกซ้ำเติมจากมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากตุรกีของสหรัฐฯ ที่ก่อแรงกระเพื่อมต่อค่าเงินตุรกี
ด้านราคาทองคำในวันจันทร์ (13 ส.ค.) ดิ่งลงแรง หลังดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบราวๆ 14 เดือน จากความกังวลต่อค่าเงินลีราของตุรกี โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 20.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,198.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์