เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – สถานการณ์ทั่วไปเช้าวันจันทร์(9 ก.ค)ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ดูสงบ ท่ามกลางการก่อเหตุจลาจล ปล้นสะดมร้านค้าไม่พอใจเหตุราคาเชื้อเพลิงพุ่ง ตัวเลขเสียชีวิตจากเหตุประท้วง 4 ราย แต่ยังไม่จบพบมีการเรียกร้องผละงาน 2 วันท่ามกลางการรายงานของสถานีวิทยุท้องถิ่นเห็นกองกำลังในคราบพลเรือนติดอาวุธบนถนน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของนักการเมืองฝ่ายค้านถูกเผากลางถนนหลังพยายามฝ่าฝูงม็อบ
เอเอฟพีรายงานวันนี้(9 ก.ค)ว่า ถึงแม้ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุประท้วงการสั่งเพิ่มราคาน้ำมันของรัฐบาลปอร์โตแปรงซ์จะอยู่ที่ล่าสุด 4 ราย และราคาน้ำมันที่ถูกปรับเพิ่มได้ถูกยกเลิกแล้ว แต่ทว่ากลุ่มผู้ประท้วงยังคงเรียกร้องให้มีการผละงานต่อไปโดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์(9)
ประชาชนชาวเฮติจำนวนมากในเวลานี้ต้องการให้ประธานาธิบดี โจเวเนล มอยส์(Jovenel Moise)ลาออกจากตำแหน่งทันที
“หากประธานาธิบดียังคงอยู่ต่ออีก 1 วัน เกมส์จะเปลี่ยนไปในทันที ทางเราจะปิดถนนและเผาทุกอย่าง เพราะพวกเราไม่มีอะไรที่จะเสีย” หนึ่งในผู้ประท้วงที่ปิดหน้าประกาศ
นอกจากนี้พบว่ากลุ่มผู้ประท้วงวัยรุ่นพยายามที่จะรีดไถเงินจากบรรดานักขับบนท้องถนนรวมไปถึงประชาชนที่เดินอยู่ข้างทาง ทำการควบคุมจุดแยกต่างๆและถนนทั่วทั้งกรุงปอร์โตแปรงซ์ในวันอาทิตย์(8)
นอกจากนี้สถานีวิทยุท้องถิ่นรายงานว่า มีการพบกลุ่มติดอาวุธที่อยู่ในชุดพลเรือนบนท้องถนนในย่านดาวน์ทาวน์บางพื้นที่ โดยนักข่าวเอเอฟพีได้เห็นภาพร้านค้าบริเวณใจกลางกรุงปอร์โตแปรงซ์ถูกปล้นสะดมจากฝีมือกลุ่มผู้ประท้วง
และพบว่าผู้ประท้วงหัวรุนแรงเป็นชายที่มีอายุน้อยบางส่วนมีมีดเป็นอาวุธ ในขณะที่ตำรวจปราบจลาจลยิงปืนขึ้นฟ้า และยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายฝูงชน แต่อย่างไรก็ตาม เอเอฟพีชี้ว่า หลังจากความวุ่นวายและการจลาจลที่ได้เกิดขึ้น พบบางส่วนของเมืองกลับเข้าสู่ความสงบ
โดยพบว่าพ่อค้าแม่ค้าผักผลไม้ได้นำกลับมาวางแผงอีกครั้ง ส่วนมอเตอร์ไซด์รับจ้างกลับเข้าทำงานตามปกติถึงแม้ว่าผู้โดยสารจะหายากก็ตาม
นอกจากนี้การจราจรบนท้องถนนในบางส่วนกลับเข้าสู่สภาพปกติหลังจากที่ตำรวจได้นำสิ่งกีดขวางออกไปจากพื้นที่ และการเดินทางอากาศกลับมาให้บริการอีกครั้ง มีเครื่องบิน 3 เที่ยวเดินทางจากสหรัฐฯร่อนลงจอดหลังจากที่ทุกสายการบินสั่งยกเลิกการเดินทางทั้งหมดในวันเสาร์(7)
ส่วนสถานทูตแคนาดาและสถานทูตฝรั่งเศสประกาศจะยังคงปิดให้บริการต่อไปในวันนี้(9)
มอยส์ออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ในวันเสาร์(7) เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน พร้อมชี้ว่าได้แก้ไขราคาน้ำมันแล้ว แต่ทว่าแถลงการณ์ที่ออกมาสร้างความไม่พอใจไปทั่ว โดยสมาชิกรัฐสภาเฮติ เจอร์รี ตาร์ดิว (Jerry Tardieu)ได้แสดงความเห็นกับเอเอฟพีว่า “ทางเราคาดหวังแถลงการณ์อื่น การวิเคราะห์อย่างสงบของสถานการณ์ได้ถูกเผยตัวในประเทศเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา และสร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก”
เอเอฟพีรายงานว่า การประท้วงเกิดขึ้นหลังการประกาศขึ้นราคาน้ำมันของรัฐบาลในวันศุกร์(6) โดยพบว่าราคาน้ำมันแก๊สโซลีนถูกปรับเพิ่ม 38% ส่วนน้ำมันดีเซลเพิ่มถึง 47% และน้ำมันก๊าดเพิ่มขึ้นถึง 51% โดยเริ่มตั้งแต่สุดสัปดาห์นี้
แต่ในการยกเลิกแผนการขึ้นราคาน้ำมัน นายกรัฐมนตรีเฮติกล่าวย้ำในวันเสาร์(7)ว่า “ความรุนแรงและประชาธิปไตยนั้นเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง”
ซึ่งก่อนหน้าน้ำมันอื้อฉาว บรรดารองฯของเขาได้ออกแสดงความเห็นถึงอนาคตของเขา และการประกาศ กลับลำยกเลิกราคาน้ำมันในวันเสาร์(7)คาดว่า อาจเป็นหนทางนำไปสู่การสิ้นสุดของรัฐบาลปอร์โตแปรงซ์ชุดนี้
พบว่าในคืนวันศุกร์(6)เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของนักการเมืองพรรคฝ่ายค้านเสียชีวิตในการโต้เถียงทางสาธารณะกับกลุ่มผู้ประท้วงในบริเวณใจกลางกรุงปอร์โตแปรงซ์ในขณะที่เขาพยายามที่จะฝ่าถนนที่ถูกปิดลงไปให้ได้ และร่างของเขาถูกเผากลางถนน
ช่วงบ่ายวันเสาร์(7)นักข่าวเอเอฟพีเห็นชายคนหนึ่งถูกยิงเสียชีวิต และคนอื่นอีก 2 คนเสียชีวิตเช่นกัน
สื่อ CNN ของสหรัฐฯรายงานว่า ในวันเสาร์(7) สถานทูตสหรัฐฯออกคำเตือนให้พลเมืองสหรัฐฯอยู่แต่ภายในที่พัก และมีรายงานพบว่ากลุ่มมิสชันนารีเยาวชนอเมริกันที่มีทั้งระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากโบสถ์วู๊ดแลนด์ คอมมูนิตี เชิร์ช(Woodland Community Church)ถูกพบว่าต้องติดอยู่ที่เฮติมาจนถึงวันจันทร์(9)เป็นอย่างน้อย หลังจากเที่ยวบินเวลา 15.00 น.จากสนามบินนานาชาติปอร์โตแปรงซ์ถูกยกเลิก