xs
xsm
sm
md
lg

InClip :รอยเตอร์แกะรอย “กลุ่มชายฉกรรจ์รัสเซีย” บินตรงจาก “ดามัสกัส” ไปที่ตั้งหน่วยรบพิเศษในรัสเซีย- รมว.กลาโหมยิวเตือน อาจยิง S-300 ของปูตินในซีเรีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - รอยเตอน์รายงานพิเศษพบ “กลุ่มพลเรือนชาวรัสเซีย” มีพฤติกรรมน่าสงสัย เชื่อว่าอาจถูกส่งเข้าซีเรียเพื่อช่วยประธานาธิบดีอัสซาด จากการที่พบว่าถึง 3 โอกาสเป็นอย่างน้อย ที่กลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้บินเข้าและออกจากกรุงดามัสกัส ไปยัง ฐานทัพกระทรวงกลาโหมรัสเซียในหมู่บ้านโมลคิโน(Molkino) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองกำลังที่ 10 หน่วยรบพิเศษรัสเซีย ด้านรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิสราเอลส่งคำขู่ รัฐยิวมีสิทธิ์โจมตีระบบต่อต้านอากาศยาน S-300 ของรัสเซียในซีเรียหากพบใช้เพื่อคุกคามอิสราเอล

รอยเตอร์รายงานวันนี้(25 เม.ย)ว่า อย่างไรก็ตาม เครมลินออกมาปฎิเสธถึงความเกี่ยวข้องจากการที่มีพลเรือนชาวรัสเซียรบอยู่ในซีเรีย ทว่ารอยเตอร์พบ อ้างอิงจากแหล่งข่าว ที่ว่ามีอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง พบกลุ่มชายฉกรรจ์รัสเซียเดินทางเข้าและออกกรุงดามัสกัส ไปยังหมู่บ้านโมลคิโน(Molkino) ดินแดนครัสโนดาร์ (Krasnodar Krai) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย

ทั้งนี้จุดหมายปลายทางในซีเรียสำหรับพลเมืองรัสเซียที่เดินทางเข้าไปนั้น หาหลักฐานพิสูจน์ได้ยากมากถึงปฎิบัติการทางทหารของรัสเซียในซีเรีย ที่นอกเหนือไปจากการโจมตีทางอากาศ ทำการฝึกสอนให้กับกองทัพซีเรีย และจำนวนน้อยนิดของหน่วยรบพิเศษในซีเรียที่ทางเครมลินยอมรับ

ซึ่งก่อนหน้าในวันที่ 14 ก.พ โฆษกเครมลิน ดมิตรี เพสคอฟ เคยกล่าวว่า ถึงแม้จะมีพลเมืองรัสเซียสู้รบในสมรภูมิซีเรียอยู่จริง แต่ทว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังรบสหพันธรัฐรัสเซีย และเพสคอฟยังได้ขอให้นักข่าวรอยเตอร์ไปสอบถามกับกระทรวงกลาโหมรัสเซียเอง เมื่อถูกตั้งคำถามว่า เหตุใดพลเรือนรัสเซียที่สู้รบในซีเรียเหล่านี้จึงเดินทางกลับไปยังฐานทัพในรัสเซียหลังจากนั้น

แต่ทว่าทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียยังไม่ตอบกลับมาในประเด็นนี้

ในขณะที่เจ้าหน้าที่ซึ่งยังอยู่ในหน้าที่ประจำฐานทัพที่ตั้งของกองกำลังที่ 10 หน่วยรบพิเศษรัสเซียในโมลคิโน ที่ได้ถูกถามว่า เหตุใดบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่กองทัพจึงสามารถผ่านเข้าไปด้านในได้ ซึ่งเขาตอบกลับมาว่า

“ไม่มีใครผ่านเข้ามา...เท่าที่ผมรู้...คุณอาจเห็นพวกเขา โอเค แต่คุณไม่ควรที่จะเชื่อไปทุกอย่าง ..บางทีคุณอาจทำได้..แต่ว่าเราจะสามารถให้ความเห็นต่อในสิ่งที่องค์กรอื่นกระทำได้อย่างไร”

ทั้งนี้พบว่ามีนักรบรับจ้างรัสเซียร่วม 2,000 คนที่ทำการสู้รบช่วยกองกำลังอัสซาดอยู่ในซีเรีย เพื่อให้ได้ดินแดนกลับคืนมาจากฝ่ายตรงข้าม แหล่งข่าวหลายปาก รวมไปถึงแหล่งข่าวที่เป็นนักรบรับจ้าง 1 รายให้ข้อมูล

นักีบรับจ้างหรือ “คอนแทร็กเตอร์” เหล่านี้ถูกเคลื่อนย้ายโดยสายการบินสัญชาติซีเรีย ชาม วิงส์(Cham Wings) แหล่งข่าวที่มากกว่า 1 รายให้ความเห็น

นอกจากนี้นักข่าวรอยเตอร์ยังเป็นผู้พบเห็นเที่ยวบินเครื่องบินเช่าเหมาลำของสายการบินชาม วิงส์ ที่บินออกมาจากกรุงดามัสกัส ร่อนลงจอดที่ท่าอากาศยานพลเรือนในรอสตอฟ-ออน-ดอน( Rostov-on-Don) ของรัสเซีย เมื่อวันที่ 17 เม.ย ล่าสุด

และการเฝ้าสังเกตของนักข่าวรอยเตอร์ยังพบว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์เดินออกมาจากเทอร์มินอลผ่านทางออกพิเศษ เป็นบริเวณทางออกที่ไม่ได้ใช้สำหรับผู้โดยสารพลเรือนคนอื่นๆใช้ตามปกติ

และกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ถูกแบ่งให้ไปขึ้นรถบัสจำนวน 3 คันซึ่งอยู่ในบริเวณที่ซึ่งใช้เฉพาะกับบรรดาเจ้าหน้าที่สนามบิน และมีกระเป๋าสัมภาระที่ถูกพบว่ามีจำนวนหลายใบที่เป็นลักษณะที่ใหญ่กว่ากำหนด และกลุ่มชายที่อยู่ในชุดพลเรือนออกมาจากรถบัส ทำการขนสัมภาระขึ้นรถ และกลับขึ้นรถไป

การติดตามของนักข่าวรอยเตอร์ยังพบว่า รถบัสทั้ง 3 คันได้เดินทางออกนอกสนามบินเพื่อมุ่งหน้าลงไปทางทิศใต้ มีรถบัส 2 คันจากทั้งหมดหยุดแวะที่คาเฟ่ข้างทาง ในขณะที่อีก 1 คันจอดบริเวณข้างถนนแทนสำหรับการหยุดพัก หลังจากนั้นรถทั้งหมดได้เดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านโมลคิโน ห่างออกไปทางใต้ราว 350 ก.ม ซึ่งเดินทางไปถึงไม่นานก่อนเวลาเที่ยงคืนเล็กน้อย

ซึ่งที่หมู่บ้านแห่งนี้ พบว่ารถบัสแต่ละคันใช้เวลาแค่ 1-2 นาทีที่จุดตรวจรักษาความปลอดภัยที่มีเจ้าหน้าที่รัสเซีย 2 นายประจำอยู่ ก่อนที่จะแล่นผ่านเข้าไปนาน 15-20 นาที และรถบัสเดินทางกลับออกมาผ่านทางด่านตรวจที่ในเวลานี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่แล้ว ***ซึ่งภาพจากดาวเทียมสาธารณะแสดงให้เห็นว่า ถนนเส้นที่ว่านี้ทำไปสู่ที่ตั้งทางการทหารของรัสเซีย***

รอยเตอร์รายงานว่า นักข่าวรอยเตอร์สังเกตว่า รถบัสเดียวกันนี้ยังนำกลุ่มชายฉกรรจ์จากท่าอากาศยานที่เดียวกันนี้มายังโมลคิโนในวันที่ 25 มี.ค และวันที่ 6 เม.ย ก่อนหน้า

ซึ่งญาติของคอนแทร็กเตอร์ที่สู้รบในซีเรีย หรือเพื่อน หรือตัวนักรบรับจ้างรัสเซียเอง ต่างเปิดเผยว่า พวกเขาถูกเข้ารับการฝึกจากค่ายทหารภายในหมู่บ้านโมลคิโนนับตั้งแต่เมื่อครั้งที่คนเหล่านี้ได้ทำการสู้รบในทางภาคตะวันออกของยูเครนร่วมกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครน

ภายในที่ตั้งทางทหารนี้ พบว่ามีการปรับปรุงสนามฝึกซ้อมยิงใหม่เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ฝึกซ้อมปฎิบัติการทางทหารเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย การใช้รถถังต่อสู้ การซุ่มยิงโดยมือสไนเปอร์ อ้างอิงจากเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

รอยเตอร์ได้ติดต่อไปยังบริษัทรถบัสที่นำกลุ่มชายฉกรรจ์ไปยังโมคิโน ซึ่งทางบริษัทยอมรับว่าได้ทำการให้เช่ารถไปจริง แต่ปฎิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงผู้ว่าจ้าง แต่หนึ่งในนั้นกล่าวว่า บางทีการเดินทางไปโมลคิโนอาจไปเพื่อตากอากาศก็เป็นได้

ซึ่งหนึ่งในรถบัสที่นำกลุ่มชายฉกรรจ์รัสเซียไปยังโมลคิโนเป็นรถบัสนีโอแพลนสีขาวอายุ 33 ปี พร้อมสโลแกนของบริษัทท่องเที่ยวติดอยู่ ถูกนำเข้ารัสเซียเมื่อปี 2007 และในตอนแรกถูกจดทะเบียนที่เมือง เพโครี(Pechory) ปัสคอฟ โอบลาสต์ (Pskov Oblast) ในขณะที่ ดมิทรี อุตคิน(Dmitry Utkin) ถูกยืนยันจาก 3 แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า เขาเป็นหัวหน้าหน่วยรบรับจ้างรัสเซีย ซึ่งก่อนหน้าเคยดำรงตำแหน่งในฐานะผู้บังคับบัญชาหน่วยรบพิเศษที่มีฐานตั้งอยู่ในเพโครี

ทั้งนี้ก่อนหน้าพบรัสเซียประกาศแนวคิดที่จะส่งระบบต่อต้านอากาศยานทรงประสิทธิภาพ S-300 เข้าไปติดตั้งในซีเรีัย เกิดขึ้นหลังจากปฎิบัติการยิงขีปนาวุธโจมตีที่ตั้งผลิตอาวุธเคมีของอัสซาดถูกทำลายจากฝีมือของกองกำลังพันธมิตร 3 ชาติที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำ

ซึ่งล่าสุดอ้างอิงจากสื่อยิว Haaretz ที่รายงานในวันพุธ(25) โดยอ้างการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล อาวิกดอร์ ลีเบอร์แมน(Avigdor Lieberman) ซึ่งกล่าวในวันอังคาร(24) เตือนว่า ทางรัฐยิวจะโจมตีระบบต่อต้านอากาศยาน S-300 หากว่าถูกพบเป็นภัยคุกตามกับอิสราเอล

"สิ่งหนึ่งที่ต้องชัดเจนคือ หากมีใครยิงเครื่องบินอิสราเอล เราจะทำลายพวกเขา" และกล่าวต่อว่า "สิ่งที่สำคัญต่อเราคือ ระบบต่อต้านอากาศยานที่ทางรัสเซียได้เคลื่อนย้ายเข้าไปในซีเรีย ต้องไม่ถูกใช้เพื่อต่อต้านเรา ซึ่งหากถูกใช้เพื่อเป็นปฎิปักษ์ต่อเรา เราจะลงมือต่อพวกเขา"

การให้สัมภาษณ์ของลีเบอร์แมนเกิดขึ้น 1 วันหลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์รัสเซีย คอมเมอร์ซันต์( Kommersant) ว่า ทางรัสเซียคาดหวังว่า จะสามารถสนับสนุนรัฐบาลอัสซาดด้วยระบบต่อต้านอากาศยาน S-300 ได้ในเร็ววันนี้

และในการให้สัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียยังยืนยันว่า หากว่าอิสราเอลโจมตีระบบต่อต้านอากาศยาน S-300 ทางอิสราเอลจะได้เห็นผลลัพท์ของหายนะที่จะเกิดขึ้น

ซึ่งในรายงานของหนังสือพิมพ์ คอมเมอร์ซันต์ชี้ว่า “S-300 PMU-2” เป็นรุ่นที่นิยมใช้กันสำหรับภารกิจต่อต้านทางอากาศจะถูกส่งไปให้กับพวกซีเรียได้ใช้แบบไม่คิดมูลค่า และได้ในเร็ววันนี้

อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์(23)ระหว่างการเยือนกรุงปักกิ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ออกมาชี้แจงว่า ทางรัสเซียยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำการส่งระบบต่อต้านอากาศยาน S-300 ที่ทันสมัยไปยังซีเรียหรือไม่ แต่จะเปิดเผยต่อสาธารณะหากมีการตัดสินใจ อ้างอิงจากสำนักข่าวทาซของรัสเซีย








กำลังโหลดความคิดเห็น