รอยเตอร์ - วันนี้(24 เม.ย)ศาลอินโดนีเซียออกคำพิพากษาสั่งจำคุกอดีตประธานรัฐสภาอินโดนีเซีย เซตยา โนวานโต(Setya Novanto) เป็นเวลา 15 ปีในข้อหาคอร์รัปชันที่ทำให้รัฐต้องเสียเงินไปถึง 170 ล้านดอลลาร์ในคดีบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดแดนอิเหนา
รอยเตอร์รายงานวันนี้(24 เม.ย)ว่า คดีคอร์รัปชันอื้อฉาวของอดีตประธานรัฐสภา เซตยา โนวานโต(Setya Novanto)สร้างความตกตะลึงให้กับประชาชนชาวอินโดฯทั้งประเทศถึงแม้จะเคยชินกับคดีฉาวคอร์รัปชันเรื่อยมา ซึ่งศาลอินโดนีเซียชี้ว่า คดีคอร์รัปชันโครการบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดนี้ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ร่วม 170 ล้านดอลลาร์
ยานโต(Yanto) หัวหน้าคณะผู้พิพากษา 5 ท่านที่ออกคำตัดสิน กล่าวในศาลกรุงจาการ์ตาว่า “จำเลยถูกพบว่ากระทำผิดจริงในการสมรู้ร่วมคิดทำการคอร์รัปชัน และทำให้ต้องได้รับโทษจำคุก 15 ปีในเรือนจำ และสั่งปรับเป็นจำนวนเงิน 500 ล้านรูเปียห์อินโดฯ หรือราว 36,000 ดอลลาร์”
ทั้งนี้พบว่า โนวานโตเคยดำรงตำแหน่งในฐานะประธานรัฐสภาอินโดนีเซียมาถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ 2014 -2015 และในปี 2016 -2017
รอยเตอร์ชี้ว่า โนวานโตยังถูกห้ามการเข้ารับการดำรงตำแหน่งทางการเมืองนาน 5 ปี หลังจากที่สิ้นสุดการใช้โทษในเรือนจำแล้ว และต้องจ่ายคืนให้กับรัฐในจำนวนเงิน 7.3 ล้านดอลลาร์ที่เขาได้แอบทุจริตไป ผู้พิพากษายานโตกล่าว
ทั้งนี้ในการอ่านคำตัดสินที่มีระยะเวลานานกว่า 3 ช.ม ทางคณะผู้พิพากษาได้อ่านคำชี้แจงของแต่ละคดี รวมไปถึงรายละเอียดของสถานที่ซึ่งอดีตประธานรัฐสภาอินโดนีเซียได้เคยใช้เป็นที่นัดพบเพื่อแบ่งสรรเงินที่ได้มาจากข้อตกลงสำหรับการจัดทำบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด
ในระหว่างการรับฟังการตัดสินความผิด พบว่า โนวานโตแสดงสีหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และหลังจากที่ใช้เวลาหารือกับทีมทนายความ อดีตประธานรัฐสภาแดนอิเหนาได้กล่าวต่อศาลว่า เขาจะขอเวลาในการพิจารณาว่าจะใช้สิทธิ์ยื่นขออุทธรณ์คำตัดสินหรือไม่ต่อไป
โนวานโตถูกกล่าวโทษว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคดีบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด โดยเพิ่มค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อเพื่อต้องการยักยอกเงินร่วม 173 ล้านดอลลาร์ หรือราวเกือบ 40% ของงบประมาณโครงการบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด
ซึ่งทางทีมอัยการที่ทำคดีนี้ได้สอบพยานถึง 80 ปาก และต้องการให้ศาลลงโทษจำคุกเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 16 ปี ด้านรองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย จูซุฟ คัลลา(Jusuf Kalla) ออกมาให้ความเห็นถึงคำพิพากษาว่า “นี่เป็นเสมือนการเตือนต่อคนที่ไม่ทำตามกฎหมาย”
