xs
xsm
sm
md
lg

InPics:“ปธน.มาครง” เดินทางถึงสหรัฐฯแล้ว หวังกล่อมทรัมป์ให้เปลี่ยนใจไม่ล้ม “ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(23 เม.ย) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุแอล มาครง และสุภาพสตรีหมายเลข 1 ฝรั่งเศส บริจิตต์ (Brigitte) เดินทางมาถึงสหรัฐฯ ในระหว่างการเยือนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความแตกต่างระหว่างมาครงและผู้นำสหรัฐฯ ตั้งแต่นโยบายทางการค้าไปจนถึงข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่ฝรั่งเศสได้ร่วมลงนาม มีการคาดหวังว่าผู้นำแดนน้ำหอมจะสามารถเปลี่ยนใจประธานาธิบดีสหรัฐฯได้สำเร็จไม่ให้ถอนสหรัฐฯออกมา

รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(23 เม.ย)ว่า ในขณะที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุแอล มาครง มุ่งหน้ามาสหรัฐฯ เตหะรานออกมาเรียกร้องให้ผู้นำชาติยุโรปให้เข้ามาแทรกแซง ไม่ให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ทำลายข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและอีก 6 ชาติผู้นำนปี 2015 ทิ้ง

ซึ่งในวันอาทิตย์(22) มาครงกล่าวถึงข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านว่า “ไม่มีแผนบี” สำหรับข้อตกลงที่ว่านี้ และยังกล่าวไปถึงแผนช่วยชีวิตเร่งด่วนที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า แผนปฎิบัติการร่วมอย่างครอบคลุม JCPOA (Joint Comprehensive Plan of Action) ที่ผู้นำสหรัฐฯก่อนหน้าประกาศว่า เขาจะยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 หากว่าพันธมิตรชาติตะวันตกยังไม่แก้ไขข้อผิดพลาดของข้อตกลงนี้ได้ทันภายในกลางเดือนพฤษภาคมนี้

“การมาเยือนครั้งนี้สำคัญมาก ในสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเรา ที่มีความไม่แน่นอนอยู่สูง ปัญหา และภัยคุกคามที่มาตามกำหนดเวลา” มาครงกล่าวในขณะเดินทางมาถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี

ในขณะเดียวกันรัฐมตรีต่างประเทศอิหร่าน  โมฮัมเหม็ด จาวาด ซารีฟ(Mohammad Javad Zarif ) กล่าวเรียกร้องให้บรรดาผู้นำชาติยุโรปให้ออกมาแทรกแซงเพื่อปกป้องข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน โดยเขากล่าวผ่านแถลงการณ์บนทวิตเตอร์ว่า

“มันจะต้องทั้งหมดหรือไม่ก็ศูนย์ไปเลย ผู้นำชาติยุโรปสมควรต้องหว่านล้อมทรัมป์ว่า แม่แค่เพียงที่จะต้องยังคงอยู่ในข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านต่อไป แต่ต้องทำให้เกิดขึ้นในส่วนข้อตลกลงของเขาด้วยความคิดในแง่บวก”

รอยเตอร์ชี้ว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 ถูกลงนามรับรองโดย 6 ชาติผู้นำที่ต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ครอบครองยกเว้นเยอรมัน โดยเตหะรานยอมที่จะต้องจำกัดการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์เพื่อแลกเปลี่ยนการลดการถูกคว่ำบาตร

อย่างไรก็ตาม ไม่กี่นานทีหลังเครื่องบินของผู้นำฝรั่งเศสและสุภาพสตรีหมายเลข 1 ฝรั่งเศส บริจิตต์(Brigitte) แตะพื้นท่าอากาศยานในสหรัฐฯ โฆษกทำเนียบขาว ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส ประกาศว่า จะไม่มีการประกาศถึงข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และเสริมต่อว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า เขาคิดว่าข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงที่เลวร้าย ซึ่งความแน่นอนนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง”

แต่ทว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐฯ 1 วันก่อนเดินทางถึงสหรัฐฯว่า เป็นการดีกว่าที่สมควรต้องปกป้องข้อตกลงนี้มากกว่าที่จะฉีกทิ้งไป

“นี่ถือเป็นข้อตกลงที่สมบูรณ์แบบ และแผนปฎิบัติร่วมอย่างครอบคลุม JCPOA นี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับความสำพันธ์ของเรากับอิหร่านหรือไม่ คำตอบคือ “ไม่” แต่สำหรับอาวุธนิวเคลียร์แล้ว คุณมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วหรือ แต่ผมไม่เห็นว่าจะมี” ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุแอล มาครงกล่าว

รอยเตอร์ชี้ว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทรัมป์จะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพต้อนรับการเยือนของผู้นำฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในปี 2017 ซึ่งสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ เมลาเนีย ทรัมป์ จะเป็นแม่งานจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับมาครงและภรรยาอย่างเป็นทางการด้วยตำหรับอาหารสุดพิเศษของเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ซึ่งก่อตั้งโดยชาวฝรั่งเศสเมื่อยุคอเมริกาสร้างชาติ

อ้างอิงจากเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ ทำเนียบขาวแถลงถึงเมนูกาล่าดินเนอร์ต้อนรับมาครงในคืนวันอังคาร(24) ประกอบไปด้วย แกะฤดูใบไม้ผลิและแจมบาลายา( jambalaya) ข้าวทองมหัศจรรย์รัฐแคโลไรนา ที่ได้รับการปรุงด้วยกรรมวิธีดั้งเดิมตามแบบนิวออร์ลีนส์โบราณอย่างเคร่งครัด และเติมแต่งรสชาติด้วยวัฒนธรรมการกินของชาวลุยเซียนาที่เรียกว่า สไตล์เคจุน (Cajun)หรือ อาคาเดียน Acadian) ซึ่งถูกเรียกตามชื่อของกลุ่มชนชาวฝรั่งเศสโบราณที่เข้ามาตั้งรกรากในรัฐลุยเซียนานเวลานั้น ซึ่งต้องใช้ทั้งเซเลอรี พริกไทย และหัวหอมและตามด้วยสมุนไพรจากสวนด้านทิศใต้ของทำเนียบขาวที่ริเริ่มในสมัยของอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 มิเชล โอบามา

ซึ่งตามธรรมเนียมการเลี้ยงต้อนรับอาหารค่ำอย่างเป็นทางการแล้ว จะไม่มีการเชิญตัวแทนจากพรรคฝ่ายตรงข้ามร่วมเด็ดขาด แต่ทว่าในครั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯได้เชิญผู้ว่าการรัฐลุยเซียนาจากพรรคเดโมแครตเข้าร่วม แต่สื่อมวลชนถูกสังห้ามร่วมงานโดยเด็ดขาด อ้างอิงจากสถานีโทรทัศน์ MSNBC

รอยเตอร์ชี้ว่า ในทันทีที่ผู้นำฝรั่งเศสและภริยามาถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี แล้ว คนทั้งคู่ได้ถือโอกาสเดินเล่นตามถนนสายต่างๆในกรุงวอชิงตัน ดีซี รวมไปถึงได้เดินผ่านด้านหน้าทำเนียบขาว และทำการทักทายบรรดานักท่องเที่ยวอย่างเป็นกันเอง

สื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า การมาเยือนสหรัฐฯครั้งนี้มาครงไม่ได้มามือเปล่า แต่นำต้นโอ๊กที่มีอายุราว 10 ปีมาจากสมรภูมิรบในฝรั่งเศส โบโล วูดส์(Belleau Woods) หนึ่งในสมรภูมิรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีทหารสหรัฐฯจำนวน 9,000 นายต้องสละชีวิต เพื่อมาปลูกเป็นสัญลักษณ์ในมิตรภาพของทั้ง 2 ชาติภายในทำเนียบขาวที่มีข่าวว่าสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ นางทรัมป์ชื่นชอบในของขวัญชิ้นนี้มาก ซึ่งผู้นำทั้ง 2 ชาติเป็นผู้ลงมือขุดดินด้วยต้นเองเพื่อนำต้นโอ๊กที่ไร้ใบนี้ลงหลุมเพื่อปลูกภายในทำเนียบขาว



















กำลังโหลดความคิดเห็น