xs
xsm
sm
md
lg

คอลัมน์นอกหน้าต่าง: นักวิเคราะห์พิศวงและระแวงสงสัย เมื่อผู้นำคิมประกาศหยุดทดลอง‘นุก’และ‘ขีปนาวุธ’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<i>ภาพที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวทางการโสมแดงเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2017 แสดงให้เห็น คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กำลังตรวจเยี่ยมการยิงขีปนาวุธ “ฮวาซอง-12”  ทั้งนี้ คิมประกาศในวันเสาร์ (21 เม.ย.) ที่ผ่านมาว่า นับแต่นี้ไปโสมแดงจะระงับการทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปและการทดลองนิวเคลียร์ </i>
เปียงยางจู่ๆ ก็ประกาศตูมออกมาว่า จะยุติการทดลองอาวุธนิวเคลียร์และการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป เรื่องนี้ทำเอาพวกผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตะวันตกพากันรู้สึกพิศวงสงสัย เกี่ยวกับเจตนารมณ์อันแท้จริงของคิม จองอึน --รวมทั้งประเด็นที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯนั้น สมควรที่จะได้เครดิตมากน้อยแค่ไหนในเรื่องนี้

ความเคลื่อนไหวอย่างสุดเซอร์ไพรซ์ของผู้นำเกาหลีเหนือในวันเสาร์ (21 เม.ย.) ที่ผ่านมา นับเป็นหลักหมายสำคัญอีกสำคัญอีกหลักหนึ่งก่อนหน้าการเปิดเจรจาซัมมิตระหว่างเขากับทรัมป์ ผู้ซึ่งเพียงไม่ถึง 1 ปีก่อนยังออกมาข่มขู่ที่จะปล่อย “อัคคีและความโกรธเกรี้ยวอย่างชนิดที่โลกไม่เคยพบเห็นมาก่อน” หลังจากคิมคุกคามว่าจะโจมตีเกาะกวม เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่เป็นฐานทัพสำคัญและเป็นดินแดนในปกครองของสหรัฐฯ

ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจำนวนมากแถลงต้อนรับประกาศของคิมคราวนี้ด้วยความระแวงสงสัยอย่างรวดเร็ว โดยพากันชี้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้น เขาไม่ได้ส่งสัญญาณแสดงถึงเจตนารมณ์ที่จะปลดอาวุธมหาประลัยทั้งหลายจริงๆ พร้อมกับสงสัยว่ามาถึงตอนนี้ผู้นำที่เต็มไปด้วยปริศนาผู้นี้คาดหวังจะได้อะไรเป็นการตอบแทนจากฝ่ายสหรัฐฯบ้าง

“ทุกๆ อย่างที่คิมประกาศออกมานั้นยังคงสามารถหวนกลับคืนไปใหม่อย่างเต็มที่ทั้งนั้น มันจึงมีความหมายเป็นเพียงแค่คำพูดและคำมั่นสัญญาอันว่างเปล่าเท่านั้น –แถมเกาหลีเหนือก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรเลยในทางรักษาคำพูดของตัวเองอยู่แล้ว” แฮร์รี คาเซียนิส (Harry Kazianis) ผู้อำนวยการฝ่ายกลาโหมศึกษา (director of defense studies) ของ ศูนย์กลางเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ (Center for the National Interest) ซึ่งเป็นคลังสมอง (think tank) แนวทางอนุรักษนิยมแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน กล่าวให้ความเห็น

เกาหลีเหนือนั้นไม่ได้ทดลองนิวเคลียร์อีกเลยนับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ขณะที่ได้ยิงขีปนาวุธนำวิถีลูกสุดท้ายของตนไปในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน แต่คาเซียนิสยังคงระแวงว่าคิมอาจจะพลิกตัวหวนกลับมาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว หากเขาไม่ได้รับสิ่งที่เขาต้องการจากการเจรจาระดับสุดยอดระหว่างเขากับประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ในปลายเดือนนี้ หรือจากซัมมิตกับทรัมป์ที่จะติดตามมาในช่วงเดือนพฤษภาคมหรือต้นเดือนมิถุนายน

“ด้วยเหตุนี้ ประชาคมระหว่างประเทศสมควรที่จะมีความหวัง –แต่ก็อย่าได้โง่เขลาเด็ดขาด” คาเซียนิส กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี

นักวิเคราะห์ชาวตะวันตกอื่นๆ จำนวนมากก็แสดงความเย็นชากับคำแถลงของเปียงยางโดยบอกว่าถึงแม้ผู้นำคิมเสนอที่จะหยุดพักการทดลอง แต่ก็อยู่ในลักษณะของการยืนยันอีกครั้งว่าเกาหลีเหนือกำลังมีฐานะเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์รายหนึ่งแล้ว ไม่ใช่การก้าวไปสู่เส้นทางปลดอาวุธนิวเคลียร์

ยังมีผู้สังเกตการณ์อื่นๆ ซึ่งข้องใจว่าจะไว้วางใจคำมั่นของฝ่ายเกาหลีเหนือได้หรือ ภายหลังที่ระบอบปกครองนี้ผิดสัญญามาครั้งแล้วครั้งเล่าเกี่ยวกับเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขานี้ ในตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา

ทว่า โจเอล วิต (Joel Wit) นักวิจัยอาวุโสแห่ง สถาบันสหรัฐฯ-เกาหลี (US-Korea Institute) ณ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) ผู้ซึ่งศึกษาเกาหลีเหนือมาหลายทศวรรษแล้ว แสดงความหงุดหงิดผิดหวังต่อปฏิกิริยาเชิงระแวงสงสัยของบางรายต่อความเคลื่อนไหวคราวล่าสุดของผู้นำคิม

เขากล่าวว่าเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่าเวลานี้คิมมีความตั้งใจที่จะหมุนตัวจากเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของเขาไปยังเรื่องการปรับปรุงเศรษฐกิจเกาหลีเหนือให้ทันสมัย และคำแถลงในวันเสาร์ (21) ก็คือการเน้นย้ำสิ่งนี้นั่นเอง

“ผมไม่รู้ว่าเกาหลีเหนือจะต้องทำยังไงเพื่อให้ผู้คนมองเห็นว่านี่คือความจริงจัง” วิตบอกกับเอเอฟพี

“ก้าวเดินต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครคาดหวังกันมาก่อนเลย”

คำพูดคำวิจารณ์ที่กลิ้งไปกลิ้งมา

ที่จริงแล้วเพียงเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา คิมตอนนั้นยังเรียกทรัมป์ว่าเป็น “คนป่วยทางจิต” และ “คนแก่สติเลอะเลือน” หลังจากประมุขอเมริกันประทับตราให้ผู้นำเกาหลีเหนือว่าเป็น “มนุษย์จรวด” ที่กำลังกระทำ “ภารกิจฆ่าตัวตาย”

การประณามด่าทอกันแบบออกชื่อเช่นนี้บังเกิดขึ้น ถึงแม้เมื่อตอนที่ทรัมป์รณรงค์หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาเคยบอกว่าเขาจะเปิดกว้างในเรื่องการพบปะกับคิม แล้วต่อมายังเรียกเขาในเชิงชมเชยว่าเป็น “คนฉลาด”

ถึงแม้ทรัมป์พูดถึงคิมแบบกลับไปกลับมาเช่นนี้ แต่คาเซียนิสก็ยังคงยกย่องทรัมป์ในเรื่องการรณรงค์สร้างความบีบคั้นกดดันเกาหลีเหนือ ซึ่งได้แรงบวกจากมาตรการแซงก์ชั่นที่แรงขึ้นเรื่อยๆ จากคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นและฝ่ายอื่นๆ

ถ้าไม่มีการลงไม้ลงมือของทรัมป์แล้ว “มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่คิมคงเริ่มการทดสอบขีปนาวุธตามปกติของเขาไปตั้งแต่เมื่อหลายอาทิตย์มาแล้ว และน่าที่จะทดสอบ ICBM (ขีปนาวุธข้ามทวีป) อีกลูกหนึ่งแล้วด้วย นี่จึงถือเป็นชัยชนะที่สำคัญสำหรับทีมทรัมป์ ถึงแม้เป็นชัยชนะที่เล็กมาก” คาเซียนิสกล่าว

วิตก็เช่นกันบอกว่าคณะบริหารทรัมป์มีบทบาทที่แน่นอนหลายๆ อย่างในเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่เขามองว่าเกาหลีเหนือเป็นฝ่ายที่มีแผนการระยะยาวซึ่งชัดเจนกว่าทางสหรัฐฯ

“สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นเพียงคำสั่งที่ออกมาจากนายใหญ่ระดับท็อปเท่านั้น” วิตพูดถึงพวกเจ้าหน้าที่ระดับรองๆ ลงมาของเกาหลีเหนือ

เขากล่าวต่อไปว่า จากประกาศเช่นนี้ของคิมเท่ากับเป็นการปูพื้นจัดเตรียมเวทีในบรรยากาศที่ดียิ่งขึ้นสำหรับซัมมิตของคิมทั้งกับมุนและกับทรัมป์ แต่เวลาเดียวกันก็กลายเป็นการสร้างแรงกดดันต่อคณะบริหารทรัมป์ให้ต้องเจรจาหารืออย่างจริงจัง และพยายามทำให้ได้ผลลัพธ์ออกมาในทางบวก

สหรัฐฯนั้นกำลังมุ่งเรียกร้องให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์แบบ ชนิดที่สามารถตรวจสอบได้และไม่มีทางหวนกลับไปได้อีก ขณะที่ตามคำพูดของมุน สิ่งที่เปียงยางปรารถนาคือการที่สหรัฐฯค้ำประกันความมั่นคงของเกาหลีเหนือ -- นี่ย่อมหมายความว่าทั้งสองฝ่ายยังคงมีช่องว่างเยอะทีเดียวสำหรับการมีความเห็นไม่ลงรอยกัน

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือยังเคยเรียกร้องมายาวนานแล้วให้สหรัฐฯถอนทหารออกจากคาบสมุทรเกาหลี และยุติการแสดงบทบาทเป็นผู้ปกป้องเกาหลีใต้จากการถูกโจมตีถูกคุกคามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งนี่เป็นอะไรที่วอชิงตันคงไม่มีวันยินยอม

วิคเตอร์ ชา (Victor Cha) ที่ปรึกษาอาวุโสและประธานเรื่องเกาหลี (senior adviser and Korea Chair) แห่งศูนย์กลางเพื่อยุทธศาสตร์ศึกษาและการระหว่างประเทศศึกษา (Center for Strategic and International Studies) บอกกับเว็บไซต์ข่าว “แอกซิโอส” (Axios) ว่า “คำถามซึ่งยังไม่มีคำตอบที่แวววับเตะตายิ่งกว่าคำถามอื่นใดก็คือ” สหรัฐฯจะยินยอมอะไรให้บ้างเพื่อเป็นการตอบแทนการอ่อนข้อของเกาหลีเหนือ

“ยังไม่มีใครเลยที่กำลังติดตามเจาะลึกถึงสิ่งที่คณะบริหารสหรัฐฯกำลังขบคิดว่าจะยินยอมอ่อนข้อ เป็นต้นว่า การเลิกแซงก์ชั่นหรือ การยอมทำสนธิสัญญาสันติภาพหรือ ความสัมพันธ์การทูตขั้นปกติหรือ การหยุดซ้อมรบหรือ หรือว่าเรื่องระบบป้องกันขีปนาวุธ?” เขาตั้งคำถาม

(เก็บความจากเรื่อง Empty promises? N.Korea watchers greet Kim move with skepticism ของสำนักข่าวเอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น