เอเจนซีส์ - อินเดียระบุว่า พลเมืองของตนจำนวน 39 ราย ที่ถูกลักพาตัวในอิรัก โดยฝีมือกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้รับการยืนยันแล้วว่าเสียชีวิต หลังตรวจดีเอ็นเอศพที่พบในหลุมขนาดใหญ่นอกเมืองโมซุล
ศุษมา สวราช รัฐมนตรีต่างประเทศของอินเดีย ได้บอกต่อรัฐสภาว่า ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าตรงกับบรรดาแรงงานก่อสร้างที่หายตัวไปในเดือนมิถุนายน 2014 ช่วงที่เมืองดังกล่าวตกเป็นของไอเอส
"ด้วยหลักฐาน จึงสามารถพูดได้ว่าทั้ง 39 รายได้เสียชีวิตแล้ว" สวราช ระบุในวันอังคาร (20 มี.ค.)
ที่ผ่านมา อินเดียเชื่อว่าจะมีตัวประกันบางส่วนยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งขัดต่อคำให้การของผู้รอดชีวิตรายหนึ่ง แถมยังบอกว่าจะไม่ประกาศข่าวการตายของคนเหล่านี้หากปราศจากหลักฐานที่แน่นหนา
สวราช บอกว่า บัตรประชาชน เส้นผมยาว และกำไลแบบที่ชาวซิกห์ชอบใส่ ถูกเก็บขึ้นมาจากหลุมศพของแรงงานเหล่านี้
ศพของพวกเขาถูกพบใกล้กับหมู่บ้านบาดุช ห่างจากบริเวณพื้นที่ก่อสร้างประมาณ 10 กิโลเมตร ทั้งนี้ กลุ่มไอเอสถูกกล่าวหาว่าทำการประหารนักโทษอย่างน้อย 500 รายในคุกแห่งหนึ่งบริเวณพื้นที่เดียวกันเมื่อเดือนมิถุนายน 2014
แรงงานรายหนึ่ง ที่หลบหนีการสังหารหมู่และเดินทางกลับอินเดียได้ในปี 2015 ได้บอกกับเว็บไซต์ข่าวแห่งหนึ่งว่า เขากับเพื่อนร่วมงานถูกพาตัวไปหมู่บ้านบาดุช หลังจากถูกลักพาตัวได้ 4 วัน แล้วถูกยิง
เขาอ้างว่ากระสุนแค่เฉียดตัวเขาไป และได้ทำการหลบหนีไปยังเมืองเออร์บิลที่ชาวเคิร์ดควบคุมอยู่ เขายังบอกด้วยว่า แรงงานเหล่านั้นได้โทรศัพท์ติดต่อไปหาครอบครัวและสถานทูตอินเดียในแบกแดด ช่วงก่อนถูกประหารเพียงไม่กี่วัน
อย่างไรก็ตาม สวราชได้แย้งมาตลอดเกี่ยวกับคำบอกเล่าเรื่องการตายของตัวประกันเหล่านี้ โดยบอกในวันอังคารด้วยว่า คนที่หนีรอดมาจากอิรักได้ เป็นเพราะแกล้งทำตัวว่าเป็นชาวมุสลิมจากบังกลาเทศ