สะพัดสหรัฐฯเร่งย้ายสถานทูตไปเยรูซาเลมเดือนพฤษภาคม เร็วกว่าคาดอย่างมาก

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - คาดหมายว่าสหรัฐฯเปิดสถานทูตประจำอิสราเอล ในเยรูซาเลมในเดือนพฤษภาคม หลังย้ายไปจากเทลอาวีฟ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อเมริกาในวันศุกร์(23ก.พ.) กลับลำนโยบายที่วอชิงตันดำเนินมายาวนานหลายทศวรรษ โดยช่วงเวลาดังกล่าวประจวบเหมาะกับวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีแห่งการประกาศเอกราชของอิสราเอล

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า อเมริกาให้การรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ถ้อยแถลงที่กระพือความขุ่นเคืองแก่พันธมิตรอาหรับของวอชิงตันและชาวปาเลสไตน์ ที่มองว่าพื้นที่ตะวันออกของเมืองคือเมืองหลวงรัฐในอนาคตของพวกเขา ทั้งนี้นอกจาสหรัฐฯแล้ว ไม่มีประเทศอื่นที่รับรองเยรูซาเลมว่าเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเผยว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตส่วนใหญ่จะยังคงอยู่ในเทลอาวีฟ "เดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ เราจะย้ายสถานทูตและคณะทำงานกลุ่มเล็กๆไปยังอาร์โนนา" ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหน่วยงานด้านกงสุลของกงสุลใหญ่สหรัฐฯในเยรูซาเลม "สิ่งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม จะเป็นสัญญาณที่ระบุว่า อาร์โนนา คือที่ทำการสถานทูตสหรัฐฯ"

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สหรัฐฯอีกคนซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเช่นกัน ระบุว่าในขั้นที่ 2 ของแผนนี้จะเป็นการค้นหาทำเลที่ตั้งที่มีความปลอดภัยสำหรับสร้างสถานทูตแห่งใหม่

เจ้าหน้าที่รายที่ 2 บอกต่อว่าสถานกงสุลในเยรูซาเลมตะวันออกจะยังคงเปิดให้บริการกับชาวปาเลสไตน์ และด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยเอกอัครราชทูต เดวิด ไฟร์แมน จะยังพำนักอยู่ในบ้านพักในเฮอร์ซลิยา ทางเหนือของเทลอาวีฟ และเดินทางไปกลับสถานทูตใหม่

กำหนดการเปิดสถานทูตในเดือนพฤษภาคมถือว่าเร็วกว่าที่คาดหมาย หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯเคยบอกกับรัฐสภาอิสราเอล ว่าการย้ายสถานทูตอาจเกิดขึ้นราวๆช่วงปลายปี 2019

ทั้งนี้กำหนดการเปิดดังกล่าวตรงกับวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีแห่งการประกาศเอกราชของอิสราเอล

ระหว่างการกล่าวปราศรัยกับเวทีชุมนุมของพวกอนุรักษ์นิยมในแถบชานเมืองวอชิงตันในวันศุกร์(23ก.พ.) ทรัมป์ เท้าความถึงการตัดสินใจรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอลของเขา โดยบอกว่าเขาต้องยืนหยัดต่อสู้กับแรงกดดันมหาศาลเพื่อย้ายสถานทูตไปยังเยรูซาเลม

"ผมถูกตำหนิจากหลายประเทศ และมีแรงกดดันมากขึ้นๆ และผู้คนมากมาย อ้อนว่าผมว่า อย่าทำแบบนั้น อย่าทำแบบนั้น" ทรัมป์กล่าว "ผมบอกว่าผมจำเป็นต้องทำ มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ต้องทำ เราจำเป็นต้องทำ และผมก็ทำมัน"