รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซียประกาศแผนฟื้นฟูแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดของจังหวัดชวาตะวันตกที่ขึ้นชื่อว่าสกปรกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เพื่อให้ประชาชนใช้ดื่มกินได้ในอีก 7 ปีข้างหน้า
แม่น้ำจิตารุม (Citarum River) ซึ่งมีความยาวตลอดสาย 300 กิโลเมตรมีต้นกำเนิดจากทะเลสาบในจังหวัดชวาตะวันตก และไหลออกสู่ทะเลใกล้ๆ กรุงจาการ์ตา นอกจากจะช่วยหล่อเลี้ยงผืนนาข้าวกว่า 400,000 เฮกตาร์แล้ว น้ำจากแม่น้ำสายนี้ยังใช้ประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วย
ลุ่มน้ำจิตารุมมีประชากรอาศัยอยู่ราว 28 ล้านคน ซึ่งทำให้แม่น้ำสายนี้เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลจากชุมชน และยังปนเปื้อนโลหะหนักจากโรงงานอุตสาหกรรม
“แม่น้ำจิตารุมซึ่งเคยใสสะอาดกลับกลายเป็นแม่น้ำที่มีมลพิษสูงที่สุด” ประธานาธิบดี วิโดโด ทวีตข้อความ หลังจากที่ได้เดินทางไปเยี่ยมชมบริเวณต้นน้ำที่จังหวัดชวาตะวันตกเมื่อวานนี้ (22)
“เราจะพยายามทำให้มันกลับมาสะอาดโดยเร็วที่สุด และหวังว่าภายใน 7 ปี แม่น้ำสายนี้จะสามารถใช้ดื่มกินได้”
รัฐบาลอินโดนีเซียยังมีแผนใช้โครงการกำจัดมลพิษในแม่น้ำจิตารุมเป็นต้นแบบในการฟื้นฟูลุ่มน้ำอื่นๆ ของประเทศ
ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้อนุมัติวงเงินกู้ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่รัฐบาลอินโดนีเซียเมื่อปี 2009 เพื่อใช้ในโครงการฟื้นฟูแม่น้ำจิตารุมภายในระยะเวลา 15 ปี
อีริค แกงซิเยอ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำจาก ADB ระบุว่า ธนาคารได้จ่ายเงินอุดหนุนไปแล้ว 41.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ “วางโรดแมปการจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ”
ผลวิจัยโดยสถาบันแบล็คสมิธเมื่อปี 2013 พบว่า ระดับสารตะกั่วในแม่น้ำจิตารุมสูงเกินค่ามาตรฐานน้ำดื่มของสหรัฐฯ กว่า 1,000 เท่า และมีการปนเปื้อนอลูมิเนียม แมงกานีส และเหล็ก เกินกว่าระดับที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ
แผนการทำความสะอาดแม่น้ำจิตารุมเริ่มต้นขึ้นเมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งตำรวจ ทหาร หน่วยงานราชการ องค์กร และภาคประชาชนใน 25 เขตที่แม่น้ำสายนี้ไหลผ่าน