รอยเตอร์ – อิหร่านจะถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 หากไม่ได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและธนาคารใหญ่ๆ ยังไม่สามารถทำธุรกิจกับสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ได้ อับบาส อารักชี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวในวันนี้ (22)
ข้อตกลงเดือนกรกฎาคมปี 2015 ระหว่างอิหร่านและมหาอำนาจ 6 ชาติ ได้แก่ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย และสหรัฐฯ กำหนดให้อิหร่านต้องจำกัดโครงการนิวเคลียร์แลกกับการผ่อนคลายการคว่ำบาตรที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจประเทศนี้
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯยื่นคำขาดต่อมหาอำนาจยุโรปเมื่อวันที่ 12 มกราคม ว่า พวกเขาต้องยอมแก้ไขจุดบกพร่องเลวร้าย 6 ข้อของข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน มิเช่นนั้นเขาจะไม่ยอมขยายการผ่อนคลายการคว่ำบาตรต่ออิหร่านตามที่ข้อตกลงกำหนด
การคว่ำบาตรของสหรัฐฯจะกลับมามีผลเหมือนเดิมหากสหรัฐฯไม่ออกข้อยกเว้นใหม่เพื่อระงับมันในวันที่ 12 มีนาคม
“ข้อตกลงไม่อาจจะคงอยู่ได้ในทิศทางเช่นนี้ หากคำขาดดังกล่าวได้รับความเห็นชอบและข้อยกเว้นถูกชะลอ” อารักชี กล่าวในการปราศรัยที่ชัทแธมเฮ้าส์ในกรุงลอนดอน
“หากนโยบายอันน่าสับสนและไม่มั่นคงเกี่ยวกับ JCPOA ยังดำเนินอยู่ต่อไป หากบริษัทและธนาคารต่างๆ ไม่ร่วมงานกับอิหร่าน เราเองก็ไม่สามารถอยู่ในข้อตกลงที่ไม่ให้ผลประโยชน์กับเรา นั่นคือข้อเท็จจริง” อารักชี กล่าว
ทรัมป์เห็นข้อบกพร่องสามข้อในข้อตกลงนี้ หนึ่งคือการไม่สามารถจัดการกับโครงการขีปนาวุธของอิหร่าน สองคือเงื่อนไขในการให้ผู้ตรวจสอบนานาชาติไปเยือนโรงงานนิวเคลียร์ต้องสงสัยในอิหร่าน และวรรคที่ระบุว่า ข้อจำกัดต่างๆ เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อิหร่านจะเริ่มหมดอายุหลังจาก 10 ปี
เขาต้องการให้แก้ไขสามข้อบกพร่องนี้หากสหรัฐฯจะอยู่ในข้อตกลงนิวเคลียร์ที่นักการทูตเรียกกันว่า แผนปฏิบัติการร่วมฉบับสมบูรณ์ (Joint Comprehensive Plan of Action - JCPOA)
อิหร่านเตือนว่า การพังทลายของข้อตกลงนี้ฉุดทั้งโลกเข้าสู่วิกฤตนิวเคลียร์อีกครั้งหนึ่ง
“หากเราสูญเสีย JCPOA เราจะเผชิญกับอีกวิกฤตนิวเคลียร์หนึ่ง” อารักชี กล่าว
“สำหรับชาติยุโรปและประชาคมโลก เมื่อเราพูดถึงเรื่องการรักษา JCPOA มันไม่ใช่การเลือกระหว่างอิหร่านและตลาดสหรัฐฯ มันไม่ใช่การเลือกความร่วมมือทางเศรษฐกิจ มันเป็นการเลือกระหว่างความมั่นคงและความไม่มั่นคง” อารักชี กล่าว