หวั่นโสมแดงซื้อเวลาพัฒนานิวเคลียร์ เห็นพ้องเดินหน้าโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือ

รอยเตอร์ – สำนักข่าวของทางการเกาหลีเหนือระบุคณะตัวแทนที่เดินทางไปร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกหารือ “เปิดอกและตรงไปตรงมา” กับประธานาธิบดี มุน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ แต่ไม่ได้เอ่ยถึงการเชิญผู้นำโสมขาวเดินทางไปประชุมสุดยอดที่เปียงยางอย่างที่โซลป่าวประกาศ ขณะที่ทั้งพรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้และหนังสือพิมพ์ชั้นนำของญี่ปุ่นเตือนว่า ซัมมิตเกาหลีเหนือ-ใต้ ที่ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขล่วงหน้าในการปลดอาวุธนิวเคลียร์จะเข้าทางเปียงยางที่ต้องการใช้แนวทางสันติบังหน้าเพื่อซื้อเวลาพัฒนาอาวุธต่อจนสำเร็จ ด้านรองผู้นำสหรัฐฯ ระบุ อเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือ

แม้ชาวเกาหลีใต้ให้ความสนใจและชื่นชมคณะผู้แทนดังกล่าว ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของเกาหลีเหนือที่เดินทางไปเยือนและเสร็จสิ้นการเยือนในวันอาทิตย์ (11 ก.พ.) แต่ขณะเดียวกันก็ยังสงสัยในความจริงใจของเกาหลีเหนือที่จะปรับความสัมพันธ์ระหว่างกัน

การประชุมสุดยอดของสองเกาหลีที่โดยทางการแล้วยังถือเป็นคู่สงครามกันนั้น จะเป็นความคืบหน้าสำคัญสำหรับมุนที่พยายามผลักดันแนวทางการทูตเพื่อคลี่คลายการเผชิญหน้าจากโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า คิม โย-จอง น้องสาวของคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ มอบจดหมายส่วนตัวจากพี่ชายให้มุนอย่าง “อ่อนน้อม” ระหว่างหารือเมื่อวันเสาร์ (10 ก.พ.) และยังบอกกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถึง “เจตนารมณ์” ของพี่ชาย แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า เจตนารมณ์ดังกล่าวคืออะไร

ขณะที่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เผยว่า ระหว่างงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่มุนเป็นเจ้าภาพที่ทำเนียบฟ้า หรือที่พักประจำตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อวันเสาร์นั้น มุนได้รับเชิญให้เดินทางไปเปียงยางเพื่อหารือกับคิม ซึ่งหากเป็นจริง จะถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำจากสองเกาหลีได้พบกันนับจากปี 2007

คิม อุย-คย็อม โฆษกทำเนียบฟ้าระบุ คิม โย-จอง แจ้งว่า คิม จอง-อึนต้องการพบมุน “ในอนาคตอันใกล้” และต้องการให้มุนเดินทางไปเกาหลีเหนือ “ทันทีที่สะดวก” ขณะที่ผู้นำโซลตอบกลับด้วยการชักชวนให้เกาหลีเหนือช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยให้การพบกันเกิดขึ้นจริง

จากการรายงานของเคซีเอ็นเอ มุนกล่าวว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเยียวยาความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ตามที่ประธาน คิม จอง-อึน ระบุไว้ในคำปราศรัยเทศกาลปีใหม่

คิม ยอง-นัม ประมุขรัฐในทางพิธีการของเกาหลีเหนือที่ร่วมพูดคุยกับมุนเมื่อวันเสาร์ด้วยนั้น กล่าวว่า แม้ปัญหาและอุปสรรคที่คาดไม่ถึงก็สามารถเอาชนะได้ และอนาคตของการรวมชาติจะมาถึงเร็วขึ้นหากมีเจตนารมณ์แน่วแน่ กล้าหาญและเด็ดขาดที่จะเริ่มต้นยุคใหม่แห่งความสัมพันธ์ที่รุ่งเรืองของสองเกาหลี

อย่างไรก็ตาม ชาง เจ-วอน โฆษกพรรคลิเบอร์ตี้ โคเรีย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักของเกาหลีใต้เตือนว่า การเจรจากับเกาหลีเหนือโดยไม่มีการตั้งเงื่อนไขล่วงหน้าเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของโสมแดง รังแต่ทำให้เปียงยางมีเวลามากขึ้นในการสานต่อโครงการนิวเคลียร์ให้ลุล่วงควบคู่ไปกับการใช้แนวทางสันติภาพตบตา

เช่นเดียวกับบทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์โยมิอุริของญี่ปุ่นที่เตือนว่า สิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้คือ การไม่เรียกร้องโดยตรงให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์ ผู้นำเกาหลีใต้ควรตระหนักว่าตนเองจำเป็นต้องกระตุ้นให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ใช่รอให้อเมริกาไปเจรจากับเกาหลีเหนือ

ขณะเดียวกัน รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางจากเกาหลีใต้กลับวอชิงตันว่า อเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือต่อทั้งด้านเศรษฐกิจและการทูตเพื่อต่อต้านโครงการอาวุธนิวเคลียร์

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งเผยว่า แม้ไม่ได้กล่าวกับเพนซ์ขณะพบกันเมื่อวันเสาร์ ถึงเรื่องที่ได้รับเชิญไปเปียงยาง แต่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้กล่าวชัดเจนว่า จะไม่มีการพิจารณาเพื่อเริ่มผ่อนคลายการกดดันจนกว่าเกาหลีเหนือจะเริ่มต้นกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์แล้วเท่านั้น