xs
xsm
sm
md
lg

“ทรัมป์” หลุด จะให้การใต้คำสาบานคดีพัวพันรัสเซีย ทนายรีบวิ่งแจ้นแก้ข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ พูดคุยอย่างอารมณ์ดีที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันเมื่อวันพุธ (24 ม.ค.)  โดยเขายังบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ยินดีที่จะให้ปากคำภายใต้คำสาบานต่ออัยการพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ ในเรื่องความเกี่ยวพันระหว่างทีมรณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 ของเขากับรัสเซีย </i>
เอเจนซีส์ - “ทรัมป์” หลุดปากบอกยินดีให้ปากคำภายใต้คำสาบานกับ “มุลเลอร์” ในคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ทว่า หลังจากนั้นไม่นานทนายส่วนตัวออกมาแก้ลำว่า ประมุขทำเนียบขาวพร้อมพูดคุยกับอัยการพิเศษของกระทรวงยุติธรรมผู้นี้ ภายใต้คำแนะนำของทีมกฎหมายเท่านั้น

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธ (24 ม.ค.) ว่า เฝ้ารอที่จะให้ปากคำภายใต้คำสาบานกับโรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาพิเศษด้านกฎหมาย อัยการพิเศษ ของกระทรวงยุติธรรม

ประมุขทำเนียบขาวสำทับว่า อยากให้ปากคำโดยเร็วที่สุดและได้ยินทีมทนายของเขาพูดว่า น่าจะเป็นภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ ขณะที่แหล่งข่าววงในระบุ ทีมทนายความของทรัมป์กำลังหารือกับคณะทำงานของมุลเลอร์เกี่ยวกับการให้ปากคำคราวนี้

ทรัมป์เพิ่มเติมว่า ทนายความของตนจะเป็นผู้กำหนดวันที่แน่นอนในการให้ปากคำ ครั้นเมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักว่า คิดว่า มุลเลอร์จะให้ความเป็นธรรมหรือไม่นั้น ผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่า คงต้องรอดูกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม เป็นที่เข้าใจกันว่าการให้ปากคำของทรัมป์ยังอาจเผชิญข้อจำกัดจาก “อภิสิทธิ์” ของประธานาธิบดี เช่น ประเด็นที่ว่า ผู้สอบสวนสามารถกดดันประธานาธิบดีให้เปิดเผยข้อมูลได้มากน้อยแค่ไหน ในกรณีของทรัมป์นั้นยิ่งมีความกังวลอย่างมากว่า การพูดจาโผงผางของเขาอาจทำให้สถานะทางกฎหมายของตัวเขาเองมีปัญหา

นอกจากนั้น ถึงแม้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทรัมป์พูดตรงๆ ว่า จะให้ความร่วมมือกับมุลเลอร์ ทว่า หลังจากนั้นไม่นาน ไท ค็อบบ์ นักกฎหมายของทำเนียบขาวที่รับผิดชอบการรับมือการสอบสวนของมุลเลอร์ ได้ออกมาแถลงว่า ทรัมป์รีบร้อนตอบคำถามนักข่าวก่อนเดินทางไปร่วมเวทีหารือที่เมืองดาวอส, สวิตเซอร์แลนด์ ทนายผู้นี้บอกว่า สิ่งที่ประธานาธิบดีต้องการย้ำก็คือ ยินดีที่จะได้พูดคุยกับมุลเลอร์ และการพูดคุยจะอยู่ภายใต้คำแนะนำของทนายความส่วนตัว

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าววงในเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันพุธว่า ทีมของมุลเลอร์ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอาวุโสหลายคน ซึ่งรวมถึงไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงว่า ทรัมป์พยายามขัดขวางกระบวนการยุติธรรมในคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 หรือไม่

การสอบปากคำเหล่านี้ตอกย้ำว่า การสอบสวนคดีอาญาเรื่องรัสเซียและความเป็นไปได้ที่ทีมหาเสียงของทรัมป์สมรู้ร่วมคิดกับมอสโกนั้น ครอบคลุมถึงการตรวจสอบการกระทำของทรัมป์เกี่ยวกับการสอบสวนคดีนี้
<i>ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (ซ้าย) กล่าวในวันพุธ (24 ม.ค.) ว่ายินดีจะให้ปากคำภายใต้คำสาบานต่อโรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษของกระทรวงยุติธรรม (ขวา) </i>
ในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ ทรัมป์ยังคงย้ำยืนยันว่า ไม่มีการสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซีย รวมทั้งไม่มีการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมใดๆ เช่นเดียวกับฝ่ายวังเครมลินที่ปฏิเสธเรื่อยมาต่อข้อสรุปของประชาคมหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่ว่า รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ เมื่อสองปีที่แล้วด้วยการเจาะระบบข้อมูลและโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อส่งให้ทรัมป์เข้าสู่ทำเนียบขาว

ทรัมป์ยังปฏิเสธรายงานในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ที่ว่า เมื่อปีที่แล้วเขาเคยถามแอนดริว แมคเคบ รักษาการผู้อำนวยการเอฟบีไอในขณะนั้น ว่าเลือกใครในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 หลังจากนั้นทรัมป์ยังกดดันให้คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอคนปัจจุบัน ปลดแมคเคบออก

แหล่งข่าวยังเผยว่า ในการสอบปากคำปอมเปโอ, แดน โคตส์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ และพลเรือเอกไมค์ โรเจอร์ส ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ทีมของมุลเลอร์มุ่งเน้นประเด็นว่า ทรัมป์ขอให้บุคคลเหล่านั้นพึ่งพิงเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ ที่ถูกทรัมป์ปลดกลางอากาศเมื่อเดือนพฤษภาคม หรือไม่

โคมีย์นั้นบอกว่า สาเหตุที่ตนเองถูกปลดเนื่องมาจากทรัมป์ต้องการบ่อนทำลายการสอบสวนคดีรัสเซียของทางเอฟบีไอ อย่างไรก็ตาม การปลดโคมีย์กลับทำให้เกิดกระแสตีกลับในทางการเมืองจนกระทั่งนำมาสู่การแต่งตั้งมุลเลอร์ ให้เป็นผู้นำทีมสอบสวนคดีนี้ต่อ

มุลเลอร์ยังสอบถามเจ้าหน้าที่หลายคนว่า ทรัมป์พยายามล้มการสอบสวนของหน่วยงานข่าวกรองในคดีรัสเซียหรือไม่ รวมทั้งสอบถามเกี่ยวกับการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่รัสเซียที่โยงใยกับรัฐบาลของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย กับบรรดาผู้ช่วยของทรัมป์ในทีมหาเสียง

ขณะที่ ฟ็อกซ์ นิวส์รายงานเมื่อวันพุธว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกว่า 20 คนสมัครใจให้ปากคำกับทีมงานของมุลเลอร์

แอนดริว ไรต์ ศาสตราจารย์จาก ซาวันนาห์ ลอว์ สกูล และอดีตรองที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา แสดงความเห็นว่า การให้ปากคำต่อเอฟบีไอภายใต้คำสาบานไม่ใช่การดำเนินการตามปกติ แต่ถึงไม่ให้ปากคำภายใต้คำสาบานกับมุลเลอร์ ทรัมป์ก็ยังเข้าข่ายทำผิดคดีอาญาอยู่ดีหากให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกับที่ทั้ง ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ และ จอร์จ ปาปาโดปูลอส อดีตที่ปรึกษาในทีมหาเสียงของทรัมป์ เจอมาแล้ว

อย่างไรก็ดี จะต้องมีการให้ปากคำภายใต้คำสาบาน หากมุลเลอร์ออกหมายเรียกทรัมป์ไปให้ปากคำต่อคณะลูกขุนใหญ่ ซึ่งตรงกันข้ามกับการให้ปากคำกับคณะผู้สอบสวนของเขา

ทั้งนี้ในยุคของประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน ข้อหาที่ว่าเขาให้การเท็จภายใต้คำสาบานต่อคณะลูกขุนใหญ่ในปี 1998 เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับโมนิกา ลูวินสกี นักศึกษาฝึกงานในทำเนียบขาวในขณะนั้น ได้นำไปสู่การยื่นถอดถอนในสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ดี คลินตันรอดพ้นการถูกถอดถอน เนื่องจากวุฒิสภาไม่ได้ออกเสียงสนับสนุนอย่างเพียงพอ


กำลังโหลดความคิดเห็น