xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ-พันธมิตรตกลงเพิ่มกดดัน “คิม” ปักกิ่งระบุถึงเวลาพิสูจน์ใครกันแน่ที่ยั่วยุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศของบรรดาชาติที่หนุนหลังเกาหลีใต้ระหว่างสงครามเกาหลีปี 1950-53 ถ่านภาพร่วมกัน ระหว่างการประชุมซึ่งจัดขึ้น 2 วัน ที่เมืองแวนคูเวอร์, แคนาดา  โดยมีแคนาดาและอเมริกาเป็นเจ้าภาพ
เอเจนซีส์ - สหรัฐฯ และพันธมิตรรวม20 ชาติ เห็นพ้องกันในการประชุม ณ เมืองแวนคูเวอร์ ที่จะหาทางยกระดับมาตรการลงโทษเพื่อกดดันเกาหลีเหนือให้ยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ โดยรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกัน สำทับว่าถ้าเปียงยางไม่เลือกเจรจา ก็อาจเท่ากับจุดชนวนสู่การตอบโต้ทางทหาร ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า เพนตากอนกำลังพิจารณาทำการโจมตีแบบจำกัด เพื่อให้คิมน้อยตระหนักถึงผลที่จะตามมาจากการดื้อแพ่ง อย่างไรก็ดี ทางด้านจีนซึ่งไม่ได้รับเชิญเข้าหารือด้วย ระบุถึงเวลาแล้วที่จะพิสูจน์ความจริงใจว่า ประเทศใดกันแน่ที่สนับสนุนแนวทางสันติ และประเทศใดพยายามยุแยงให้คาบสมุทรเกาหลีร้อนเป็นไฟ

การประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของบรรดาชาติที่หนุนหลังเกาหลีใต้ระหว่างสงครามเกาหลีปี 1950-53 ซึ่งจัดขึ้น 2 วัน ที่เมืองแวนคูเวอร์, แคนาดา โดยมีแคนาดาและอเมริกาเป็นเจ้าภาพคราวนี้ ปิดฉากลงในวันอังคาร (16 ม.ค.) ด้วยการออกคำแถลงร่วมสนับสนุนการฟื้นการเจรจาระหว่างสองเกาหลีด้วยความหวังว่า จะนำไปสู่การผ่อนคลายความตึงเครียดที่ยั่งยืน และเห็นพ้องว่า แนวทางการทูตเพื่อคลี่คลายวิกฤติการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีนั้นมีความสำคัญและเป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม การที่คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ไม่ยอมยกเลิกการพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถโจมตีถึงอเมริกา แม้ถูกแซงก์ชันขั้นรุนแรงจากสหประชาชาติ ทำให้ทั่วโลกกังวลว่า จะเกิดสงครามรอบใหม่บนคาบสมุทรเกาหลี

การประชุมที่แวนคูเวอร์ก็มีจุดประสงค์เพื่อหาวิธีเพิ่มการกดดันคิม

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า กองทัพสหรัฐฯ กำลังวางแผนเปิดการโจมตีก่อนอย่างจำกัดต่อเกาหลีเหนือ หรือ “โจมตีแบบเบาะๆ” เพื่อโน้มน้าวให้คิมเชื่อว่า ตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือการเจรจา

เมื่อถูกซักถามเกี่ยวกับการโจมตีดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวปิดการประชุมที่แวนคูเวอร์ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็นประเด็นที่สภาความมั่นคงแห่งชาติและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่สำทับว่า ทุกประเทศต้องตระหนักกับสถานการณ์ปัจจุบันว่า เกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามมากขึ้น และหากไม่เลือกแนวทางในการเจรจา จะเท่ากับเกาหลีเหนือจุดชนวนตัวเลือกทางการทหาร

“แนวทางของเราก็คือ เสนอตัวเลือกที่ดีที่สุดคือการเจรจา หากเกาหลีเหนือเลือกทางเดินถูกต้อง ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเจรจา แต่พวกเขาต้องดำเนินการให้ชัดเจนว่า ต้องการเจรจา”

ทั้งนี้ ที่ประชุมแวนคูเวอร์ ยังประกาศว่าต้องการสร้างมั่นใจว่าจะมีการบังคับใช้มาตรการแซงก์ชันของยูเอ็นอย่างสมบูรณ์ รวมทั้ง 20 ชาติเหล่านี้ยังเห็นพ้องต้องการในอันที่จะพิจารณามาตรการลงโทษฝ่ายเดียวตลอดจนการดำเนินการทางการทูต เป็นการเพิ่มเติมจากมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น

สหรัฐฯ และแคนาดานั้น เรียกร้องให้มหาอำนาจทั่วโลกสนับสนุนการใช้มาตรการสกัดกั้นทางทะเลเพื่อป้องกันการลักลอบขนถ่ายวัสดุนิวเคลียร์ให้เกาหลีเหนือหรือขนถ่ายสินค้าออกของเกาหลีเหนือในทะเลหลวง ถึงแม้มีผู้เชี่ยวชาญบางคนท้วงว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจถูกตีความว่า เป็นการเปิดสงคราม และทำให้เกาหลีเหนือตอบโต้อย่างรุนแรงก็ตาม

การเตรียมการเพื่อใช้ยุทธวิธีใหม่ๆ เหล่านี้อาจเป็นมาตรการรูปธรรมที่สุดในการประชุมคราวนี้
คณะผู้แทนของของบรรดาชาติที่หนุนหลังเกาหลีใต้ระหว่างสงครามเกาหลีปี 1950-53 ประชุมร่วมกัน ที่เมืองแวนคูเวอร์, แคนาดา เมื่อวันอังคาร(16ธ.ค.) โดยมีแคนาดาและอเมริกาเป็นเจ้าภาพ
ทิลเลอร์สันเสริมว่า ทุกประเทศต้องร่วมกันยกระดับการสกัดกั้นเรือที่พยายามเลี่ยงมาตรการแซงก์ชัน และต้องมี “ผลลัพธ์ใหม่” เมื่อใดก็ตามที่เกาหลีเหนือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวยั่วยุอีก

รัฐมนตรีต่างประเทศแดนอินทรียังบอกว่า ที่ประชุมเห็นพ้องว่า จีนและรัสเซีย ที่แม้ไม่ได้รับเชิญร่วมหารือด้วยนั้น ต้องปฏิบัติตามมติแซงก์ชันเกาหลีเหนือของยูเอ็นอย่างเคร่งครัดและสมบูรณ์

ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่า ตัวเลือกทางทหารมีน้ำหนักลดลงทันทีนับจากที่เกาหลีเหนือ-ใต้หารืออย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบสองปีเมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา และเปียงยางประกาศส่งนักกีฬาร่วมแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพในเดือนหน้า

กระนั้น ทาโร โคโนะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวในที่ประชุมแวนคูเวอร์ว่า นานาชาติไม่ควรหลงใหลไปกับปฏิบัติการหว่านเสน่ห์ของเปียงยางด้วยการฟื้นเจรจากับโซล แต่ควรเดินหน้ากดดันต่อ ไม่ใช่จะมาพิจารณาเลิกการลงโทษคว่ำบาตรเพื่อเอาใจโสมแดง เขาย้ำด้วยว่า การที่เปียงยางยอมหารือกับโซลอาจตีความได้ว่า มาตรการแซงก์ชันเริ่มออกฤทธิ์แล้ว

ทว่า คัง คยอง-วา รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวว่าสนับสนุนการใช้มาตรการแซงก์ชันที่เด็ดขาดขึ้นและเพิ่มการกดดัน แต่ก็ต้องควบคู่กับการเสนออนาคตที่ดีกว่าแก่เกาหลีเหนือ และว่า ความพยายามร่วมกันของนานาชาติขณะนี้เริ่มเห็นผลแล้ว

ทิลเลอร์สันสำทับว่า นานาชาติต้องไม่ปล่อยให้เกาหลีเหนือเสี้ยมให้เกิดความแตกแยก และยังต้องร่วมมือกับจีนและรัสเซียเพื่อบังคับใช้มติแซงก์ชันของยูเอ็น รวมทั้งบังคับให้คิมยอมเจรจาเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์

ขณะที่จิม แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ย้ำกับผู้เข้าประชุมระหว่างอาหารเย็นเมื่อวันจันทร์ (15) ว่า อเมริกายังชูตัวเลือกทางการทูตนำหน้า แต่ไม่ตัดทิ้งตัวเลือกทางทหาร

สำหรับจีนนั้น หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ของทางการแดนมังกรออกบทวิจารณ์กล่าวว่า การประชุมที่แวนคูเวอร์ล้มเหลวและรังแต่ทำให้เกิดผลลบ

ขณะที่ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน แถลงเมื่อวันอังคาร(17)ที่เซาตูเม ในแอฟริกาตะวันตกว่า ทุกคนควรยินดีที่สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีผ่อนคลายลง และว่า ถึงเวลาแล้วที่จะพิสูจน์ความจริงใจของทุกฝ่าย

“นานาชาติควรเปิดหูเปิดตาและดูว่า ใครคือผู้สนับสนุนแนวทางสันติบนคาบสมุทรเกาหลีตัวจริง และใครที่ยุยงให้สถานการณ์กลับตึงเครียดอีก”

อนึ่ง เจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งเผยว่า ซูซาน ธอร์นตัน นักการทูตอาวุโสด้านกิจการเอเชียตะวันออกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะเดินทางไปปักกิ่งหลังเสร็จสิ้นการประชุมในแวนคูเวอร์ เพื่อสรุปผลการประชุมให้จีนรับรู้ และคาดว่า ทิลเลอร์สันจะถ่ายทอดผลการประชุมให้รัฐมนตรีต่างประเทศจีนและรัสเซียรับทราบต่อไปเช่นเดียวกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น