เอเอฟพี - แสงสีส้มจากธารลาวาที่ไหลทะลักขึ้นสู่ปากปล่องภูเขาไฟมายอนในฟิลิปปินส์เริ่มสังเกตเห็นได้ชัดเจนขึ้นในวันนี้ (15 ม.ค.) ขณะที่ทางการเร่งอพยพชาวบ้าน 20,000 คนออกจากพื้นที่เสี่ยง หลังมีสัญญาณเตือนว่าภูเขาไฟรูปทรงสมมาตรที่มีชื่อเสียงโด่งดังอาจระเบิดรุนแรงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
นักภูเขาไฟวิทยาระบุว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเริ่มเกิดแผ่นดินไหวและมีก้อนหินร่วงหล่นลงมาจากภูเขาไฟมายอน หลังเกิดการปะทุจากแรงดันของไอน้ำหลายระลอกก่อนหน้านี้
ทางการฟิลิปปินส์ได้สั่งอพยพประชาชนกว่า 12,000 คนออกจากรัศมี 7 กิโลเมตรรอบภูเขาไฟ และมีคำเตือนว่าอาจเกิดโคลนภูเขาไฟและกลุ่มเมฆแก๊สพิษปกคลุมในพื้นที่
“ประชาชนซึ่งยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงและสูดดมเถ้าถ่านเข้าไป เป็นสิ่งที่อันตรายมาก” คลอดิโอ ยูค็อต หัวหน้าสำนักงานป้องกันพลเรือนท้องถิ่น ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
“ฝนที่ตกต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ รวมถึงเศษหินและเถ้าถ่านที่สะสมอยู่ตามลาดเขา อาจทำให้เกิดโคลนภูเขาไฟ (lahar) ถ้าฝนยังไม่หยุดก็นับว่าเสี่ยงมาก”
ภูเขาไฟมายอนซึ่งมีรูปทรงกรวยเกือบสมมาตร อยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 330 กิโลเมตร
ภูเขาไฟลูกนี้เริ่มปลดปล่อยไอน้ำและก้อนหินออกมาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ และปรากฏแสงสีส้มที่ปากปล่องตั้งแต่ค่ำวันอาทิตย์ (14) ซึ่งสถาบันภูเขาไฟและแผ่นดินไหววิทยาแห่งฟิลิปปินส์ (Phivolcs) ชี้ว่าเป็นสัญญาณเตือนถึง “โดมลาวา” ที่กำลังก่อตัวขึ้น
ภูเขาไฟมายอนปลดปล่อยธารลาวาครั้งล่าสุดเมื่อปี 2014 ซึ่งทำให้ต้องมีการอพยพประชาชนถึง 63,000 คน
“เราคาดว่าลาวาอาจจะมีความหนืดน้อยกว่าเมื่อปี 2014 ซึ่งแปลว่ามันจะไหลเร็วขึ้น” เรนาโต โซลิดุม เจ้าหน้าที่ Phivolcs เผยกับเอเอฟพี “เราสังเกตเห็นว่ามันคล้ายกับการระเบิดที่ช่วงแรกๆ จะมีลาวาไหลออกมาก่อน จากนั้นจึงเกิดระเบิดอย่างรุนแรง นั่นคือสิ่งที่เรากำลังเฝ้าจับตา และพยายามช่วยประชาชนให้ปลอดภัย”
ภูเขาไฟมายอนซึ่งมีความสูง 2,460 เมตรเคยเกิดระเบิดรุนแรงมาแล้วหลายครั้ง เช่นเมื่อเดือน พ.ค. ปี 2013 ซึ่งคร่าชีวิตนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4 คน กับไกด์ท้องถิ่นอีก 1 คน
กระแสธารลาวาที่ไหลท่วมเมืองคักซาวา (Cagsawa) จากการระเบิดในปี 1814 ได้คร่าชีวิตชาวฟิลิปปินส์ไปกว่า 1,200 คน ส่วนการระเบิดเมื่อเดือน ส.ค. ปี 2006 แม้ไม่ทำให้มีผู้เสียชีวิต แต่พายุไต้ฝุ่นที่ซัดถล่มในอีก 4 เดือนต่อมาได้ทำให้เกิดโคลนภูเขาไฟไหลลงมาคร่าชีวิตชาวบ้านไป 1,000 คน