รอยเตอร์ - เรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียส่งมอบเชื้อเพลิงให้เกาหลีเหนืออย่างน้อย 3 ครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยใช้วิธีขนถ่ายสินค้ากลางทะเล ซึ่งถือเป็นการต่อลมหายใจทางเศรษฐกิจให้แก่รัฐโสมแดงซึ่งถูกสหประชาชาติคว่ำบาตรอย่างหนัก
เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านความมั่นคงของตะวันตก 2 รายซึ่งให้ข้อมูลพิเศษกับรอยเตอร์ ระบุว่า การที่รัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 2 ของโลกลักลอบขายน้ำมันให้โสมแดงเช่นนี้ เข้าข่ายละเมิดมติยูเอ็น
รอยเตอร์เสนอรายงานเมื่อเดือน ก.ย. ว่าโสมแดงได้ส่งเรือไปบรรทุกน้ำมันจากรัสเซียมุ่งตรงกลับมายังบ้านเกิด ทว่าการขายน้ำมันซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเดือน ต.ค.-พ.ย. สะท้อนให้เห็นว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้หันไปใช้วิธีขนถ่ายสินค้ากลางทะเลเพื่อเลี่ยงการถูกตรวจจับ
“เรือสัญชาติรัสเซียขนผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไปถ่ายให้กับเรือของเกาหลีเหนือหลายครั้งในปีนี้ ซึ่งถือว่าละเมิดมติคว่ำบาตร” แหล่งข่าวคนที่หนึ่งซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม บอกกับรอยเตอร์
แหล่งข่าวคนที่สองยืนยันเช่นกันว่า มีการขนถ่ายน้ำมันกลางทะเลระหว่างเรือรัสเซียกับเกาหลีเหนือจริง แต่ยังไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่า “ภาครัฐ” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
“เราไม่มีหลักฐานว่ารัฐบาลรัสเซียสนับสนุนการลักลอบขายน้ำมัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยต่อชีวิตให้พลเมืองโสมแดง” แหล่งข่าวคนที่สอง ระบุ
เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คนอ้างข้อมูลข่าวกรองทางทะเลและภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งบ่งชี้ว่า เรือเหล่านี้ได้ปฏิบัติการขนถ่ายเชื้อเพลิงนอกชายฝั่งตะวันออกไกลของรัสเซีย ส่วนรายละเอียดเชิงลึกนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้
เมื่อผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ได้ติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศและกรมศุลกากรรัสเซียเมื่อวันพุธ (27) เพื่อขอสอบถามเรื่องนี้ แต่ทั้งสองหน่วยงานปฏิเสธที่จะให้ความเห็น ส่วนบริษัทเจ้าของเรือลำหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าขนเชื้อเพลิงไปขายให้เกาหลีเหนือก็ยืนยันว่า ไม่เคยมีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัสเซียและรัฐสมาชิกยูเอ็นบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร “อย่างเข้มงวด และร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อสกัดกั้นกิจกรรมการค้าที่ยูเอ็นสั่งห้าม รวมถึงการขนถ่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจากเรือลำหนึ่งไปสู่อีกลำหนึ่ง หรือการลักลอบขนถ่านหินออกจากเกาหลีเหนือ”
เมื่อวานนี้ (29) รัฐบาลจีนก็ได้แถลงตอบโต้คำพูดของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่าปักกิ่งลักลอบส่งน้ำมันให้เกาหลีเหนืออย่างผิดกฎหมาย
เกาหลีเหนือจำเป็นต้องนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างชาติเพื่อหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ และยังต้องการน้ำมันเพื่อใช้ในโครงการพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์
แหล่งข่าวสองคนระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมัน “วิตยาซ” สัญชาติรัสเซียเป็นหนึ่งในเรือที่เคยลักลอบถ่ายน้ำมันให้แก่เรือโสมแดง
เอกสารจากกรมเจ้าท่ารัสเซีย ระบุว่า เรือวิตยาซขนน้ำมัน 1,600 ตันออกเดินทางจากท่าเรือสลาฟยันกา (Slavyanka) ใกล้เมืองวลาดิวอสต็อก เมื่อวันที่ 15 ต.ค. โดยมีจุดหมายอยู่ที่ฝูงเรือประมงในทะเลญี่ปุ่น แต่ระหว่างที่แล่นออกสู่ทะเลเปิด เรือลำนี้ได้ปิดอุปกรณ์สื่อสารทรานสปอนเดอร์เป็นเวลา 2-3 วัน
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงยุโรป ระบุว่า เรือวิตยาซได้ขนถ่ายน้ำมันให้กับเรือ ซัม มา 2 ซึ่งติดธงเกาหลีเหนือกลางทะเลเปิดในช่วงเดือน ต.ค.
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลนี้ได้ เนื่องจากเรือ ซัม มา 2 ได้ปิดอุปกรณ์ทรานสปอนเดอร์ไว้ตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.
เรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียอีก 2 ลำได้ออกเดินทางในลักษณะเดียวกันนี้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ต.ค. จนถึงเดือน พ.ย. โดยมุ่งหน้าออกจากท่าเรือสลาฟยันกาและนาคอดกา (Nakhodka) ไปสู่ทะเลเปิด ก่อนจะปิดอุปกรณ์สื่อสารเช่นกัน
รอยเตอร์ได้เสนอรายงานเมื่อเดือน ก.ย. ว่า ในปีนี้มีเรือเกาหลีเหนืออย่างน้อย 8 ลำขนเชื้อเพลิงจากรัสเซียมุ่งหน้าสู่บ้านเกิดโดยแจ้งจุดหมายปลายทางปลอม ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ชี้ว่าเป็นแผนหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร
แหล่งข่าวคนหนึ่งในรัสเซียซึ่งรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการขนส่งทางเรือในภูมิภาคตะวันออกไกลชี้ว่า เรือเกาหลีเหนือไม่ได้เดินทางเข้ามาขนน้ำมันจากท่าเรือรัสเซียโดยตรงอีกแล้ว แต่ใช้วิธีขนถ่ายเชื้อเพลิงจากเรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียที่ไปพบกันกลางทะเล หรือแม้กระทั่งเรือประมง