เอเอฟพี - เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง หลังจากที่เคยยื่นข้อเสนอเปิดเจรจาแบบ “ไร้เงื่อนไขเบื้องต้น” กับเกาหลีเหนือเพื่อลดการเผชิญหน้า โดยล่าสุดให้สัมภาษณ์วานนี้ (15 ธ.ค.) ว่าเปียงยางต้อง “มีอะไรมาแลกเปลี่ยน” ก่อนที่อเมริกาจะยอมเจรจาด้วย
ทิลเลอร์สัน ซึ่งดูเหมือนจะถูกประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กดดันให้แสดงท่าทีแข็งกร้าวกับโสมแดงมากกว่านี้ กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า “พฤติกรรมคุกคามของเกาหลีเหนือจะต้องยุติลงอย่างจริงจัง ก่อนที่การเจรจาใดๆ จะเริ่มขึ้นได้”
คำพูดนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากสิ่งที่ ทิลเลอร์สัน เคยกล่าวผ่านเวทีเสวนาที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาเสนอว่าจะยอมพูดคุยกับโสมแดงแบบ “ไม่กำหนดเงื่อนไขเบื้องต้น”
ทำเนียบขาวออกมาแย้งคำพูดของ ทิลเลอร์สัน โดยยืนยันว่าสหรัฐฯ ยังไม่เปลี่ยนนโยบาย ซึ่งทำให้สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตอีกครั้งถึงทัศนคติที่ไม่ตรงกันระหว่าง ทรัมป์ กับรัฐมนตรีต่างประเทศของเขา
“เกาหลีเหนือต้องมีบางอย่างมาแลกเปลี่ยนเพื่อกลับสู่โต๊ะเจรจา... มาตรการกดดันจะต้องดำเนินต่อไปจนกว่าพวกเขาจะยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์” ทิลเลอร์สัน กล่าวต่อยูเอ็น
“แต่ระหว่างนี้ เราจะยังคงเปิดช่องทางสื่อสารกับพวกเขา”
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ย้ำว่า “เราไม่เคยแสวงหาหรือต้องการทำสงครามกับเกาหลีเหนือ... สหรัฐฯ จะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันตนเองจากพฤติกรรมก้าวร้าวของเกาหลีเหนือ แต่เรายังหวังว่าวิธีทางการทูตจะนำมาซึ่งทางออกได้”
ทั้งนี้ จากร่างคำแถลงที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าพบว่า ทิลเลอร์สัน ตั้งใจจะกล่าวย้ำข้อเสนอเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไขเบื้องต้น แต่สุดท้ายข้อความส่วนนั้นก็ถูกตัดออกไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ ทิลเลอร์สัน ก็ตอบว่า สหรัฐฯ จะไม่อ่อนข้อเพื่อให้เกาหลีเหนือยอมพูดคุยด้วย แต่จะเปิดช่องทางสื่อสารเอาไว้ในกรณีที่โสมแดงต้องการเจรจา
“พวกเขาทราบดีว่าประตูอยู่ตรงไหน และรู้ว่าจะต้องเดินผ่านเข้ามาทางไหนหากต้องการจะคุย”
ทิลเลอร์สัน เรียกร้องให้จีนและรัสเซียประกาศบทลงโทษฝ่ายเดียวต่อโสมแดงที่นอกเหนือไปจากมติของยูเอ็น พร้อมปฏิเสธเรื่องที่บางคนวิจารณ์ว่ามาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติมีส่วนทำให้วิกฤตมนุษยธรรมในเกาหลีเหนือย่ำแย่ลง โดยชี้ว่าระบอบ คิม จอง อึน ทำตัว “หน้าไหว้หลังหลอก” เอาเงินเป็นพันๆ ล้านดอลลาร์ไปใช้ในกิจกรรมทางทหาร แต่กลับปล่อยให้ประชาชนอดอยากยากแค้น
จา ซองนัม เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำยูเอ็น เย้ยหยันสหรัฐฯ ว่า “หวาดกลัวพลังอำนาจที่เหลือเชื่อ” ของรัฐคอมมิวนิสต์โสมแดง พร้อมย้ำจุดยืนเปียงยางว่าจำเป็นต้องมีคลังแสงนิวเคลียร์เอาไว้ป้องกันตนเอง
จา ยืนยันว่า เกาหลีเหนือ “เป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีความรับผิดชอบ ฝักใฝ่สันติภาพ และพร้อมที่จะช่วยธำรงไว้ซึ่งสันติภาพของโลก” แต่ไม่ตอบข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ขอให้หยุดยิงขีปนาวุธและทดลองนิวเคลียร์