xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ ถอยกลับ หลังข้อความที่เขาทวีตอาจถูกใช้เป็นหลักฐานในข้อหาขัดขวางกระบวนการยุติธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กลับหลังหันออกมาปฏิเสธในวันอาทิตย์ (3 ธ.ค.) ว่า เขาไม่ได้ขอร้องให้ เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอในเวลานั้น ยุติการสอบสวนอดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ ไมเคิล ฟลินน์ หลังจากที่การยอมรับกลายๆ เช่นนั้นของทรัมป์ก่อนหน้านี้ ถูกชี้ว่าอาจใช้เป็นหลักฐานกล่าวโทษเขาว่าขัดขวางกระบวนการยุติธรรม

ทรัมป์ดูเหมือนกำลังถอยหลังกลับอย่างโกรธเกรี้ยว หลังจากที่ได้ทวิตเอาไว้ในวันเสาร์ (2) ซึ่งยิ่งทำให้เกิดความสงสัยข้องใจกันว่า เขาเกี่ยวข้องพัวพันในการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม อันป็นข้อกล่าวหาที่สามารถใช้ในการกล่าวโทษเพื่อปลดประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งได้

ทรัมป์โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์เมื่อวันเสาร์ (2) ว่า การที่เขาไล่ฟลินน์ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากฟลินส์ไม่เพียงกำลังโกหกรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เท่านั้น แต่ยังโกหกสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ของโคมีย์ ซึ่งกำลังสอบสวนฟลินน์ว่า ตั้งแต่ก่อนที่ทรัมป์สาบานตัวเข้ารับตำแหน่ง เขามีการติดต่อกับเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน ในเรื่องเกี่ยวกับมาตรการลงโทษคว่ำบาตรซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้กำลังใกล้หมดวาระ ประกาศออกมาเล่นงานรัสเซียในข้อหาแทรกแซงก้าวก่ายการเลือกตั้งของสหรัฐฯ

โคมีย์นั้นหลังจากถูกทรัมป์ไล่ออกแล้ว ได้ไปให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการของรัฐสภาว่า หนึ่งวันหลังจากปลดฟลินน์แล้ว ทรัมป์ได้พูดจาขอร้องให้เขายุติการสอบสวนฟลินน์

ถ้าหากสิ่งที่โคมีย์พูดนี้เป็นสิ่งที่ควรเชื่อถือแล้ว ข้อความที่ทรัมป์ทวิตในวันเสาร์ (2) ย่อมบ่งชี้ให้เห็นว่าทรัมป์ขอร้องเอฟบีไอให้ยอมปล่อยมือละเว้นใครคนหนึ่งในคณะบริหารของตน ซึ่งในตอนนี้ทรัมป์ยอมรับว่าเขาทราบดีว่าบุคคลผู้นั้นได้กระทำความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ -- นั่นคือกำลังโกหกเอฟบีไอ

อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (3) ทรัมป์ทวีตยืนยันว่า “ผมไม่เคยขอร้องให้โคมีย์ยุติการสอบสวนฟลินน์ มันเป็นเพียงข่าวปลอมอีกชิ้นหนึ่งที่กำลังปล่อยออกมาเพื่อปิดบังการโกหกของโคมีย์!”

ทรัมป์นั้นไล่โคมีย์ออกในเดือนพฤษภาคม และกล่าวว่าเขากระทำเช่นนั้นโดยที่ขบคิดพิจารณาถึงเรื่องการสอบสวนการแทรกแซงของรัสเซีย

ทางด้าน ส.ส.แอดัม ชิฟฟ์ สมาชิกอาวุโสที่สุดของฝ่ายพรรคเดโมแครตในคณะกรรมาธิการข่าวกรองสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวในวันอาทิตย์ (3) เช่นกันว่า กำลังเกิดความสงสัยข้องใจกันมากขึ้นทุกทีว่าทรัมป์อาจกระทำความผิดฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรม

ชิฟฟ์โต้แย้งว่า ถ้ามีหลักฐานซึ่งแสดงให้เห็นว่าทรัมป์ทราบเรื่องและสั่งการให้ฟลินน์ทำการติดต่อกับรัสเซีย จากนั้นก็ขอร้องโคมีย์ให้เลิกติดตามสอบสวนภายหลังเรื่องที่ฟลินน์โกหกเอฟบีไอถูกเปิดโปงออกมาแล้ว “ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณก็ได้กรณีที่เป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม”

“ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญจากบริบทนี้ก็คือว่าประธานาธิบดีกำลังแทรกแซงก้าวก่าย” เขากล่าวเช่นนี้ในรายการทอล์กโชว์ประจำวันอาทิตย์ “ดิสวีก” ทางเครือข่ายโทรทัศน์เอบีซี

ด้านวุฒิสมาชิก ไดแอน เฟนสไตน์ สมาชิกอาวุโสที่สุดของพรรคเดโมแครตในคณะกรรมาธิการยุติธรรมของวุฒิสภา บอกกับรายการ “มีต เดอะ เพรส” ของเครือข่ายทีวีเอ็นบีซีในวันเดียวกันว่า “ดิฉันคิดว่าเรากำลังเริ่มที่จะมองเห็นกันว่านี่คือคดีการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม”

ส่วนวุฒิสมาชิกซูซาน คอลลินส์ ของพรรครีพับลิกัน แสดงความเห็นว่า การสอบสวนของ โรเบิรต์ มุลเลอร์ ที่ปรึกษากฎหมายพิเศษของกระทรวงยุติธรรมนั้น “เห็นได้ชัดเจนว่าเขากำลังมีความคืบหน้า”

จากการที่ข้อความซึ่งทรัมป์ทวิตออกไปในวันเสาร์ (2) ทำท่าเหมือนจะกลายเป็นระบุถึงความผิดของตนเอง ทางด้านวุฒิสมาชิกลินด์ซีย์ เกรแฮม ของรีพับลิกัน กล่าวว่าเขามีคำแนะนำสำหรับทรัมป์

“การทวิตและการแสดงความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับการสอบสวนคดีอาญาที่กำลังดำเนินอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวคุณเองตกอยู่ในอันตราย ถ้าผมเป็นคุณนะผมต้องระมัดระวังตัวแล้วนะ มิสเตอร์เพรสซิเดนต์ ผมจะต้องระวังให้มาก” เกรแฮมกล่าวทางรายการของครือข่ายทีวีซีบีเอส

ฟลินน์ได้ยอมรับสารภาพเมื่อวันศุกร์ (1) ว่าเขามีความผิดฐานโกหกเอฟบีไอ และให้สัญญาที่จะร่วมมือกับการสอบสวนของมุลเลอร์ เรื่องนี้ถือเป็นลางร้ายสำหรับประธานาธิบดีทรัมป์

ขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวหลายรายพยายามชี้แจงว่า การทวิตของทรัมป์ในวันเสาร์ (2) เป็นเพียงการอ้างอิงถึงการที่ฟลินส์ยอมรับว่ามีความผิดฐานโกหกเอฟบีไอ เกี่ยวกับการสนทนาของเขากับ เซียร์เกย์ คิสลยัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตันในตอนนั้น

ส่วน จอห์น โดวด์ ทนายความส่วนตัวของทรัมป์บอกกับ เอบีซีนิวส์ หรือฝ่ายข่าวของเครือข่ายทีวีเอบีซีว่า ตัวเขาเองเป็นคนร่างทวิตเมื่อวันเสาร์ (2) และทำไปในลักษณะ “สะเพร่าลวกๆ”
กำลังโหลดความคิดเห็น