เอเจนซีส์ - เอมเมอร์สัน เอ็มแนนแกกวา ที่ถูกปลดจากตำแหน่งรองประธานาธิบดีของซิมบับเว จนกระทั่งนำไปสู่การยึดอำนาจของกองทัพ เดินทางกลับประเทศแล้วและเตรียมทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแทนโรเบิร์ต มูกาเบ ที่ยอมลงจากเก้าอี้เมื่อวันอังคาร (21 พ.ย.) โดยจะบริหารประเทศจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในปีหน้า
แพทริก ชินามาซา เลขาธิการฝ่ายกฎหมายของพรรคซานู-พีเอฟ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เผยว่า อดีตรองประธานาธิบดีจะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งใหม่ในวันพุธหรือพฤหัสบดี (22-23) และมีแนวโน้มเป็นผู้นำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า
ทั้งนี้ วันอังคาร โรเบิร์ต มูกาเบ วัย 93 ปี ส่งจดหมายถึงรัฐสภาประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากสภาเริ่มต้นดำเนินกระบวนการถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง และหลังจากที่เจ้าตัวพยายามยื้อยุดมาตั้งแต่ที่กองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อวันพุธที่แล้ว (15) ซึ่งเท่ากับเป็นการปิดฉากการปกครอง 4 ทศวรรษของผู้ที่เคยได้รับการยกย่องในฐานะวีรบุรุษปลดแอกซิมบับเว แต่ภายหลังกลับกลายเป็นผู้นำเผด็จการ
ทั้งสหภาพแอฟริกา สหภาพยุโรป อังกฤษ และสหรัฐฯ ต่างแสดงความยินดีกับการตัดสินใจของมูกาเบที่ทำให้การผ่องถ่ายอำนาจในซิมบับเวเป็นไปอย่างสันติ พร้อมแสดงความคาดหวังว่า เหตุการณ์นี้จะนำไปสู่ยุคใหม่ที่ประชาชนมีเสรีภาพ ประชาธิปไตย และความมั่งคั่งมากขึ้น
ชาวซิมบับเวต่างออกมาฉลองบนท้องถนนในกรุงฮาราเร บางคนชูป้ายสนับสนุนเอ็มแนนแกกวา และพลเอกคอนสแตนติโน ชิเวงกา ผู้บัญชาการทหารบกที่เป็นผู้นำการยึดอำนาจ
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความปิติยินดีของประชาชน นักวิเคราะห์และผู้สังเกตการณ์ต่างเตือนว่าปัจจัยที่มีบทบาทอย่างมากในการสิ้นอำนาจของมูกาเบคือผลจากการแก่งแย่งแข่งขันภายในหมู่นักการเมืองชั้นสูง แม้ประชาชนนับแสนคนออกมาชุมนุมเรียกร้องให้มูกาเบลาออก หลังจากที่กองทัพเข้าแทรกแซงเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม
มูลเหตุในการยึดอำนาจครั้งนี้คือการที่มูกาเบปลดเอ็มแนนแกกวา เพื่อปูทางให้เกรซ ภรรยาวัย 52 ปี เสวยอำนาจต่อ
นับจากวิกฤตคราวนี้เริ่มต้นขึ้น มูกาเบถูกกักบริเวณอยู่ในคฤหาสน์ส่วนตัวสุดหรูที่รู้จักกันในชื่อว่า “บลูรูฟ” ในเมืองหลวง และเชื่อว่า เกรซอยู่ในสถานที่ดังกล่าวด้วย
เลิฟมอร์ มาตูเก ประธานวิปของพรรคซานู-พีเอฟ เผยว่า เอ็มแนนแกกวาจะอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีจนสิ้นสุดวาระของมูกาเบในปีหน้า และจัดการเลือกตั้งใหม่ในเดือนกันยายน
มูกาเบนั้นเป็นผู้นำซิมบับเวมาตั้งแต่ที่ประเทศนี้ยังใช้ชื่อว่า โรดีเซีย โดยเขาเป็นผู้นำทำสงครามกองโจรเพื่อปลดแอกจากการปกครองโดยคนผิวขาวที่เป็นชนกลุ่มน้อย
แต่หลังจากนั้นเขากลับทำให้ประเทศที่เคยร่ำรวยแห่งนี้ประสบหายนะทางเศรษฐกิจ ใช้กำลังเข้ายึดฟาร์มเกษตรของคนผิวขาวเมื่อตอนสิ้นศตวรรษ ซึ่งส่งผลให้รายได้จากการส่งออกเกษตรกรรมหายวับและอัตราเงินเฟ้อพุ่งรุนแรง
ทว่า ด้วยภาพลักษณ์นักต่อสู้กับลัทธิอาณานิคมและการอวดอ้างตัวเองเป็นรัฐบุรุษอาวุโสแห่งการเมืองแอฟริกา ทำให้มูกาเบยังเป็นที่ชื่นชมของคนจำนวนมากในกาฬทวีป
ทางด้านองค์การนิรโทษกรรมสากลออกคำแถลงระบุว่า ภายใต้ยุคมูกาเบ ชาวซิมบับเวนับหมื่นถูกทรมาน อุ้มฆ่า ในวัฒนธรรมของการไม่ลงโทษเผู้กระทำผิด ซึ่งส่งเสริมให้อาชญากรรมน่ารังเกียจแพร่หลาย
คำแถลงยังเรียกร้องให้ผู้นำใหม่ของซิมบับเวยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ ปกป้องสิทธิมนุษยชน และปฏิบัติต่อประชาชนอย่างยุติธรรมและให้เกียรติ
กระนั้น ว่าที่ผู้นำใหม่ของซิมบับเวคือเ อ็มแนนแกกวา วัย 75 ปี ที่หนีออกนอกประเทศนับจากถูกปลดเนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัยของตัวเองนั้น เป็นผู้ช่วยสำคัญของมูกาเบมานานนับสิบปี และยังถูกกล่าวหาว่า มีส่วนร่วมในการกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม
เอ็มแนนแกกวาเคยเป็นผู้บัญชาการหน่วยความมั่นคงภายในช่วงกลางทศวรรษ 1980 ที่มูกาเบส่งกองกำลังที่ได้รับการฝึกจากเกาหลีเหนือ ไปปราบกบฏ ซึ่งทำให้พลเรือนเสียชีวิตถึง 20,000 คน
วันอังคาร เอ็มแนนแกกวาออกคำแถลงจากสถานที่กบดานเรียกร้องให้ชาวซิมบับเวสามัคคีกันเพื่อฟื้นฟูชาติ
เดวิด โคลทาร์ต นักการเมืองฝ่ายค้านและอดีตรัฐมนตรีศึกษาธิการ บอกว่า การเรียกร้องดังกล่าวให้ความหวัง ว่าอาจจะได้เห็นเศรษฐกิจที่พังทลายพลิกฟื้นคืนชีพ เนื่องจากเชื่อว่า เอ็มแนนแกกวาจะรักษาคำมั่นในการประสานความร่วมมือกับฝักฝ่ายต่างๆ