รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีซาอัด ฮารีรี ของเลบานอนคากว่าจะเดินทางออกจากซาอุดีอาระเบียไปฝรั่งเศสภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนเดินทางกลับไปยังกรุงเบรุตเพื่อยื่นลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเลบานอนอย่างเป็นทางการ แหล่งข่าวใกล้ชิดกับฮารีรีบอกกับรอยเตอร์ในวันนี้ (16 พ.ย.)
ฮารีรีประกาศลาออกในการออกอากาศทางโทรทัศน์จากซาอุดีอาระเบียเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน และยังไม่ได้เดินทางกลับเลบานอน เมื่อวานนี้ (15) เขากล่าวว่า เขาจะกลับไปเร็วๆ นี้
ในวันนี้ (16) ประธานาธิบดีมิเชล อูน ของเลบานอนทวีตว่า เขาหวังว่าวิกฤตทางการเมืองของประเทศจะจบลงภายหลังฮารีรีตอบรับคำเชิญของฝรั่งเศส
“ผมรอให้นายกฯ ฮารีรีกลับมายังเบรุตเพื่อนที่เราจะได้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของรัฐบาล หากเขาต้องการลาออกหรือยกเลิกการลาออก” อูน กล่าว อ้างจากแหล่งข่าวใกล้ชิดประธานาธิบดี
ก่อนหน้านี้อูนกล่าวว่า เขาจะไม่ยอมรับการลาออกของฮารีรีจนกว่าเขาจะกลับมายังเบรุตเพื่อยืนยันการลาออกหรืออธิบายเหตุผลของเขา
การลาออกของฮารีรีผลักเลบานอนเข้าสู่ศูนย์กลางของการต่อสู้อันดุเดือดในภูมิภาคระหว่างอิหร่านที่เป็นมุสลิมสายชีอะห์กับซาอุดีอาระเบียที่เป็นมุสลิมสายสุหนี่
แหล่งข่าวใกล้ชิดประธานาธิบดีเลบานอนอ้างถึงคำพูดของอูนในวันนี้ (16) ที่ระบุว่า เลบานอนยังคงยึดมั่นนโยบายไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในภูมิภาค โดยเฉพาะระหว่างรัฐอาหรับ
ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ระบุในถ้อยแถลงเมื่อวานนี้ (15) ว่า เขาได้เชิญฮารีรีมาฝรั่งเศสหลังจากพูดคุยกับเขาและมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ของซาอุดีอาระเบีย คำเชิญดังกล่าวเป็นเชิญให้มาเยือนเพียงไม่กี่วันและไม่ใช้ข้อเสนอลี้ภัยทางการเมือง มาครง กล่าวในเยอรมนี
ฮารีรีคาดว่าจะไปฝรั่งเศสพร้อมกับครอบครัว แหล่งข่าวใกล้ชิดฮารีรี ระบุ
ฮารีรีเดินทางไปยังกรุงริยาดห์เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนก่อนลาออกอย่างกะทันหันในวันต่อมา และเขายังคงอยู่ในเมืองหลวงของซาอุดีอาระเบียนับตั้งแต่นั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเลบานอนและนักการเมืองอาวุโสที่ใกล้ชิดกับฮารีรีบอกกับรอยเตอร์ว่า เขาถูกบังคับให้ออก
ฮารีรีและซาอุดีอาระเบียต่างปฏิเสธว่า เขาถูกกักขังในริยาดห์หรือถูกบีบบังคับให้ลาออก
